เมื่อหัวใจเริ่มไม่เชื่อในตัวเอง — ฝึก “ความหวัง” ให้กลับมาได้เหมือนเดิม

วันก่อนผมได้ยินเพื่อนสนิทคนหนึ่งพูดเสียงเบา ๆ ว่า
“ตอนนี้ไม่อยากเริ่มอะไรใหม่เลยว่ะ เหนื่อย… ทำอะไรก็ไม่เวิร์ก”

เขาไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงขี้เกียจ ไม่ได้พูดแบบคนหมดไฟ แต่เป็นน้ำเสียงของคนที่พยายามจนหมดแรงจริง ๆ คนที่เคยไฟแรง เต็มไปด้วยความฝัน แต่ต้องเจอกับความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า — งานที่ไม่ก้าวหน้า ความสัมพันธ์ที่ไปไม่ถึงฝั่ง ธุรกิจที่ไม่รอด สุดท้ายทุกอย่างเหมือนรวมตัวกันตะโกนบอกเขาว่า “อย่าพยายามเลย เสียเวลา”

และวันหนึ่งเขาก็เชื่อแบบนั้นจริง ๆ …

Learned Helplessness: เมื่อสมองเรียนรู้ความสิ้นหวัง

ในจิตวิทยา ภาวะนี้มีชื่อว่า Learned Helplessness หรือ “ภาวะสิ้นหวังที่เรียนรู้ได้” ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อสมองของเราเจอความล้มเหลวซ้ำ ๆ จนเริ่ม “จำ” ว่าพยายามไปก็ไร้ผล มันจึงปิดระบบส่งพลังให้เราโดยอัตโนมัติ เหมือนเป็นกลไกป้องกันตัวเองจากความผิดหวังซ้ำ ๆ

แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าความล้มเหลว คือการที่เรา “หยุดเชื่อ” ในตัวเอง เมื่อสมองเริ่มตั้งสมการว่า “ฉันทำไม่ได้” ทุกครั้งที่เราล้ม สมองจะเสริมหลักฐานให้ความเชื่อเดิมนั้นแข็งแรงขึ้นไปอีก

ความหวังก็ฝึกได้

อย่างไรก็ตาม ความจริงคือ “ฉันทำได้ แค่ยังไม่ได้ทำด้วยวิธีที่ใช่” คำพูดของนักจิตวิทยา Martin Seligman ผู้บุกเบิกทฤษฎีนี้เคยกล่าวไว้ว่า

“ถ้าความสิ้นหวังเรียนรู้ได้ ความหวังก็เรียนรู้ได้เหมือนกัน”

สิ่งนี้แปลว่าเราสามารถ “รีเทรน” สมองให้กลับมามีหวังได้ เหมือนการฟื้นกล้ามเนื้อที่เคยหยุดใช้งานไปนาน ลองเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ที่เราทำได้จริง ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ให้ตัวเองแล้วทำให้สำเร็จวันละหนึ่งอย่าง เช่น
– แค่ลุกออกไปเดินเล่น
– กล้าพูดความคิดของตัวเองในที่ประชุม
– บอกใครสักคนว่า “วันนี้ฉันจะลองอีกครั้ง”

ทุกครั้งที่เราทำสำเร็จ สมองจะเริ่ม “เรียนรู้ใหม่” ว่า “เห็นมั้ย เราไม่ได้หมดหวังขนาดนั้น” และเสียงที่เคยบอกว่า “อย่าพยายามอีกเลย” จะค่อย ๆ เบาลง

เริ่มจากการ “ยังเชื่อตัวเอง” ก็พอ

ผมรู้ดีว่าภาวะแวดล้อมรอบตัวในช่วงนี้ทำให้ทุกคนเหนื่อย แต่ไม่มีใครถูกสร้างมาเพื่อยอมแพ้ การลุกขึ้นใหม่ไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ แค่เริ่มจาก “ยังเชื่อตัวเองอยู่” ก็พอ เพราะคนที่ล้มแล้วลุกขึ้นมาอีกครั้ง มักจะเดินได้มั่นคงกว่าครั้งแรกเสมอ

หากตอนนี้คุณรู้สึกเหมือนเพื่อนของผม — เหนื่อย เงียบ และเริ่มไม่เชื่อในตัวเอง
จำไว้นะว่า คุณยังไม่จบ แค่พักอยู่เฉย ๆ ชั่วคราว คุณไม่จำเป็นต้องรีบพิสูจน์อะไรให้ใครเห็น แต่ค่อย ๆ กลับมาเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเคยเชื่อ เพราะ “ความหวัง” ไม่ได้ต้องการเสียงดัง — แค่ต้องการให้คุณ “ยังอยู่ตรงนั้น”

คืนนี้ลองถามตัวเองดูว่า “วันนี้ฉันจะเริ่มเล็ก ๆ อะไรได้บ้าง ที่จะพาใจฉันกลับมามีหวังอีกครั้ง?”
ไม่ต้องให้ใครรับรู้ก็ได้ แค่ทำเพื่อตัวคุณเอง แล้วคุณจะเห็นว่า “ความหวัง” มันไม่เคยหายไปไหน — มันแค่รอให้คุณเปิดประตูให้มันกลับเข้ามา


Previous
Previous

ไฟไหม้บ้าน…เรื่องที่ไม่มีใครอยากพูดถึง แต่ควรเริ่มคิดได้แล้ว

Next
Next

Trench Craft ศิลปะการตีความมรดกสู่ปัจจุบัน