ฟรีแลนซ์รุ่นใหม่ ต้องเป๊ะเรื่องเวลา...ถ้าไม่อยากทำงานประจำ

คนออกมาวิเคราะห์กันต่างๆ นานาว่าทำไมคนยุคใหม่อย่างเราถึงไม่อยากทำงานประจำ เหตุผลหลักของเราคือ เรื่อง ‘เวลา’ เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่า เรามีเท่ากัน 24 ชั่วโมง ถ้าทำงานประจำเวลาในหนึ่งวันของเราจะหมดเวลาไปกับการทำงานออฟฟิศ 8 ชั่วโมง มีเวลาพักกลางวัน 1 ชั่วโมง เวลาเดินทางไปทำงานอีกเท่าไหร่ อย่างต่ำๆที่เราใช้เวลาในเรื่องงานก็ราวๆ 12 ชั่วโมง ซึ่งจะมากจะน้อยก็ผันแปรตามเวลาในการเดินทางนี่แหละ

ครึ่งหนึ่งของเวลาในหนึ่งวันของเราหมดไปกับเรื่องงาน เวลาที่เหลืออีก 12 ชั่วโมงนั้น ก็ถูกใช้ไปกับการนอนหลับพักผ่อนอีก 6 - 8 ชั่วโมง (ตามมาตรฐานการพักผ่อนร่างกายที่ควรจะเป็น) ซึ่งพอมานับดูแล้วเวลาที่เหลือในการทำกิจกรรมส่วนตัวก็ไม่มากเท่าไร แต่หลายคนประสบปัญหาคล้ายๆกัน คือ การโดนเบียดเบียนเวลาของเราที่เหลือจากการทำงาน จากบริษัท จากหัวหน้างานที่บริหารเวลาไม่เป็น

ผู้บริหารที่ไม่รู้จักเคารพเวลาคนอื่นกลุ่มคนพวกนี้ได้รับอิทธิพลมาคนยุคเก่าที่สอนว่า ถ้าอยากมีเงินก็ต้องทำงานมากๆ แต่การทำงานเยอะๆ ทำงานหนักเพื่อจะมีเงิน เวลาที่ให้กับครอบครัวค่อยไว้มีเงินจึงค่อยดูแลพวกเขา คนรุ่นเก่าเหล่านี้จึงทำงานจนไม่มีเวลาเหลียวแลจุดมุ่งหมายอีกทาง พวกเขาไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัว ไม่มีเวลาหยอกล้อกับคนรัก หรือไม่มีเวลาสนใจแม้แต่สุขภาพตัวเอง ด้วยเพราะเขาไม่คิดว่า การดูแลจุดหมายที่เป็นคนและความรู้สึกนั้นสำคัญและมันต้องใช้ “หัวใจ” ดูแลเพื่อสร้างสัมพันธ์อันดี เราจึงเห็นว่าในเมื่อความสัมพันธ์พื้นฐานไม่แข็งแรงพอ เมื่อลูกของพวกเขาเติบโตจึงกระจัดกระจาย แตกแยก ยิ่งถ้าเป็นระดับเศรษฐี ก็จะเห็นคนในครอบครัวแย่งชิงทรัพย์สมบัติกันแล้วเมื่อพวกเขาอยู่ในวัยเกษียณก็โดดเดี่ยวเริ่มโหยหาความสัมพันธ์ในครอบครัว

Puff_Freelance Puff-OnlineMag _ พัฟ นิตยสารผู้หญิงออนไลน์ นิตยสารผู้หญิง นิตยสารออนไลน์ นิตยสารแฟชั่น นิตยสารความงาม บิวตี้บล๊อกเกอร์ บรรณาธิการความงาม ข่าวสารรอบโลก ข่าวผู้หญิง ข่าวความงาม เครื่องสำอาง แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ การทำงาน ความรัก.jpg

ซึ่งคนรุ่นใหม่อย่างเราได้มองเห็นและเรียนรู้ความผิดพลาดในการใช้ชีวิตอย่างนั้น คนรุ่นใหม่ จึงอยากแก้ไขมัน เราจะไม่ให้ความสำคัญเรื่องงานมากไปกว่าเรื่องส่วนตัว

พัฟ เป็น นิตยสารออนไลน์ สำหรับคนรุ่นใหม่ คนที่จะก้าวเป็นผู้บริหารรุ่นต่อไป เราได้เขียนบทความเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อให้มุมมองแก่คนรุ่นใหม่ในเรื่องการจัดการเวลา ไม่ให้คุณติดกับดัก ความคิดคร่ำครึที่ถูกยัดเยียดใส่สมองเราว่า การจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้น เราต้องทำงานหนัก แบบที่เรียกว่า “WORK HARD PLAY HARD” สำหรับผู้เขียนกลับมองว่า การประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น เราต้องรู้จักสมดุลย์ในทุกสิ่ง หรือถ้าสายธรรมะก็จะเรียกว่า “ทางสายกลาง”

เราเลือกที่จะไม่ติดกับดักทางสังคมที่ต้องเข้าทำงานประจำหมดเวลาไปกับการนั่งอยู่ออฟฟิศ แถมโดนพวกหัวหน้างานที่เห็นแก่ตัว หว่านล้อม คุกคาม เบียดเบียนเวลาของเราโดยการสั่งให้ทำงานที่มากขึ้น ซึ่งพวกนี้มักวัดประสิทธิภาพการทำงานของพวกเราโดยใช้อคติว่า ฉันสั่งงานเธอต้องทำตาม ทำให้เสร็จตามเวลาที่ฉันต้องการ แล้วมาอ้างว่านี่คือ KPI ในการประเมินโบนัสปลายปี ซึ่งนั้นมันคือข้ออ้างทั้งสิ้น หากคนพวกนี้จะประเมินตาม KPI จริง มันต้องวัดจากผลงานและเนื้องานล้วนๆ สิถึงจะถูก ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็อย่าแปลกใจเลยว่า ทำไมคนรุ่นใหม่อย่างเราจึงไม่อยากทำงานกับคุณ คนที่ไม่เคารพเวลาของคนอื่น

การที่ปัจจุบันคนรุ่นใหม่อย่างเรา ออกมาทำอาชีพอิสระกันเยอะขึ้น ไม่สนใจงานประจำอีกต่อไป หากจะทำงานประจำก็มีเงื่อนไข เช่นจะเข้าออฟฟิศกี่วัน ถึงเวลาเลิกงานคือหยุดการทำงานทันที ไม่ทำงานเสาร์อาทิตย์ ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้บริษัทต่างๆจะรับได้หรือไม่ได้ก็แล้วแต่พิจารณา เพราะถ้าคุณรับเราไม่ได้ เราก็ไม่ได้สนใจ เราไม่กลัวการตกงาน เพราะเราไม่ยึดติดว่าจะต้องทำงานบริษัทใหญ่โต ตำแหน่งงานดีๆ เรารู้เพียงว่าเราทำงานเพราะต้องการเงินจึงไม่กลัวว่าจะต้องทำงานอะไร คุณจึงเห็นคนรุ่นใหม่ทำงานและมีอาชีพหลากหลาย โดยเฉพาะการ ขายออนไลน์ และ งานฟรีแลนซ์ต่างๆ เพราะเราควบคุมเวลาของเราเองได้

คนที่กล้าทำงานเหล่านี้เป็นคนรุ่นใหม่ที่สามารถบริหารจัดการเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว เรื่องเวลา และความรับผิดชอบได้พร้อมๆกัน เพราะเราเข้าใจเรื่องเวลาและข้อจำกัดของมัน

เวลามีจำกัด…การวางแผนการทำงานที่รัดกุม ปฏิบัติตามกติกา
การทำงานที่รัดกุมนั้นจะเกิดขึ้นได้ถ้าเรามีจินตนาการ บวกตรรกะ และประสบการณ์ต่างๆ จะช่วยให้เราวางแผนต่างๆอย่างดี ซึ่งเราจำเป็นที่ต้องรู้ด้วยนะว่า ภาระกิจของครอบครัวเรา คนที่รักเราเป็นอย่างไร จะได้มาปรับให้เข้ากับงานของเรา เราจะไม่เสียเวลากับสิ่งที่ไม่ควรเสีย เช่น การแก้งานลูกค้ากลับไปกลับมาเกินที่ตกลงตามกฏเกณฑ์และข้อจำกัดชัดเจนตั้งแต่เริ่มบรีฟงาน ถ้าผิดจากที่คุยกันเราพร้อมหยุดงานนั้นทันที ซึ่งนั้นทำให้คนออฟฟิศที่ไม่รู้จักรักษาเวลาและไม่เคารพเวลาคนอื่นครหาว่าเราทิ้งงาน แต่สำหรับเราการทำงานมืออาชีพต้องเป็นตามกฏกติกาและมารยาทด้วย ตกลงอย่างไรก็ต้องอย่างนั้น คนออฟฟิศถ้าคิดจะทำงานกับเราก็ต้องคิดอย่างมืออาชีพเช่นกัน

กำหนดเวลาทำงานที่ผสานความยืดหยุ่นและไม่ยืดหยุ่น
จัดตารางการทำงานชัดเจนโดยปรับตามเวลาที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของเรา โดยต้องรู้ว่าจะเริ่มทำสิ่งใดเมื่อไหร่ และจะจบงานแต่ละงานเมื่อไหร่ แล้วต้องเคารพตารางงานเราเสมอ เช่นเรารู้ว่าออฟฟิศส่วนใหญ่ทำงาน จันทร์ถึงศุกร์ เวลา 8.30 เป็นต้นไป เราก็ต้องเซ็ทเวลาที่เหมาะสมกับคนที่ทำงานออฟฟิศถ้าเราต้องติดต่อกับคนเหล่านั้น แต่ถ้าอาชีพเราเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ก็ต้องดูกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก

ลดเวลาทำงานด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยีต้องพร้อม
ไม่ว่าจะ WIFI, โน๊ตบุ๊ค, แท็ปเล็ต, สมาร์ทโฟน อุปกรณ์เหล่านี้ รวมถึงการจ่ายเงินซื้อโปรแกรมต่างๆที่จะช่วยให้เราทำงานได้ราบลื่นได้ เรายอมลงทุนจ่ายเงินสิ่งเหล่านี้ เพราะถึงเป็นงานอิสระแต่ก็ต้องเป็นมืออาชีพ

เวลาที่จำกัดใน Co-Work Place กำหนดสปีดงานได้เร็วขึ้น
อาชีพฟรีแลนซ์เลือกที่ทำงานได้จริง ฟรีแลนซ์รุ่นก่อนทำงานในร้านกาแฟ แต่รุ่นใหม่ทำงานใน Co-Work Place จ่ายค่าบริการเป็นครั้งๆ จ่ายแล้วจบไม่มีภาระผูกพัน ไม่ต้องโดนร้านกาแฟด่าทอหากใช้ไฟและนั่งนาน ดังนั้นนี่คือทางเลือกของเราหากจะออกไปนั่งทำงานนอกบ้าน แถมการทำงานใน Co-Work Place ยังช่วยให้เราเร่งสปิดการทำงานได้ เพราะถ้าช้าต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก

ขายออนไลน์ ขายได้ทุกอย่าง แต่ต้องดูเวลา
ไม่ว่าจะงานอะไรก็ตามสำหรับคนรุ่นใหม่อย่างเรา มันคือการขายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะงานสอนหนังสือ ออกแบบเสื้อผ้า ทำอาหาร ให้บริการต่างๆ จะทำให้เราได้เงิน แต่เราต้องขายเป็น โดยดูก่อนว่า สินค้าเราคืออะไร / กลุ่มเป้าหมายชัด / เจาะลึกถึงไลฟ์สไตล์ลุกค้า ซึ่งทั้งหมดต้องดุช่วงเวลาที่จะทำการขายด้วยว่าไลฟ์กลุ่มเป้าหมายเราจะเริ่มกี่โมง เช่นถ้าจะขายอาหารออนไลน์ควรเริ่มโปรโมทประมาณ 10.30 น. เพื่อให้ลูกค้าได้ดูแล้วสั่งทานตอนเที่ยง ขายเสื้อผ้าเครื่องสำอางจะโปรโมทกี่โมง

คุณรู้ไหมว่าทั้งหมดที่เราเลือกทำงานเช่นนี้ เพราะเรามีจุดมุ่งหมายที่จะจัดสมดุลย์ในชีวิตของเรา โดยเราต้องสามารถท่องเที่ยวมีคุณภาพชีวิตที่ดี และได้ดูแลคนที่เรารักไปพร้อมๆกัน ดังนั้นงานที่เราเลือกทำจึงเป็นงานที่สามารถทำที่ไหนก็ได้ เช่น ถ้าเดินทางไปเที่ยวเราก็ยังสามารถขายของได้ เราก็ยังติดต่อสื่อสารเรื่องงานไม่พลาด ซึ่งเรามั่นใจว่าเราจัดสมดุลย์ทั้งสองอย่างได้ลงตัว

Previous
Previous

แผนที่ความคิด...เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

Next
Next

เมื่อฉันผจญมารในคราบ...หัวหน้า