เมื่อฉันผจญมารในคราบ...หัวหน้า

ใครว่าหัวหน้าอย่าง มิแรนด้า ในภาพยนตร์ Devil wears Prada เลวร้ายแล้ว ฉันว่าฉันมีประสบการณ์ในการร่วมงานกับหน้าหลายคนที่น่ากลัวกว่าอีกเพราะเขาทำชีวิตการทำงานแทบพังเลยทีเดียว ฉันจะเล่าให้ฟังเพื่อเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ให้ผู้อ่านทุกคนจะได้เข้าใจและหาทางรับมือได้

PuffxWork.png

12 หัวหน้าที่ฉันเจอ…

บริษัทที่ 1 หัวหน้าจอมลวนลาม
ฉันเริ่มทำงานตั้งแต่อายุน้อย ก็เจอหัวหน้าคนแรกที่ชอบลวนลามจะคอยมาสัมผัสเนื้อตัวเราอยู่ตลอดเวลาเมื่อมีโอกาส เรื่องงานเขาอาจจะดีนะแต่ไม่ระงับความหื่นกันบ้างเลย สื่งที่ผู้เขียนได้เรียนรู้คือ การอย่าเปิดโอกาสใดๆ และต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา

บริษัทที่ 2 หัวหน้าผู้เป็นดั่งแม่
ในบริษัทนี้เป็นบริษัทแรกเลยที่ทำงาน ประสบการณ์ของที่นี่ หัวหน้าสอนทุกงานด้วยการเราคิดและวางแผนทุกสิ่งอย่างทำอะไรผิดไปก็จะคอยตบๆ ให้เข้าที่ คอยรับผิดแทนลูกน้องจนคนนอกแผนกมองอาจคิดว่าเขาสปอล์ยลูกน้อง แต่เปล่าเลยเพราะถ้าทำผิดก็โดนเรียกคุยในห้อง เคยโดนขนาดว่า ถ้าไม่พัฒนาจะให้ออก ซึ่งตอนนั้นกลับบ้านก็เสียน้ำตาเหมือนกัน คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรถ้าตกงาน ซึ่งมีแค่ 2 ทางคือ สู้ แล้วพัฒนาตัวเองให้เร็วที่สุด หรือ ลาออกไป ซึ่งผู้เขียนเลือก สู้ต่อ เมื่อเขาเห็นเราพัฒนาขึ้น โอกาสในการทำงานก็มากขึ้นเช่นกัน เขาเป็นหัวหน้าที่ดีมากนะเหมือนแม่ ซึ่งฉันรู้สึกเหมือนอยู่กับแม่ ซึ่งนั่นทำให้ตัดสินใจที่ต้องโตสักที

บริษัทที่ 3 หัวหน้าลอบกัด
บริษัทนี้ว่าจ้างผู้เขียนมาด้วยสนนราคาที่สูงเอาการ ฉันรับผิดชอบงานเยอะมาก แรกๆก็เห็นดีเห็นงามตามทุกอย่างเพราะเขาทำอะไรไม่เป็นแต่เมื่อหมดสิ้นผลประโยชน์ เซ็ทระบบหมดแล้วก็โดนเลยจ้า บีบออก โดยเริ่มจากเมื่อมีประชุมสำคัญกลับไม่ให้เรารับรู้ ทั้งที่เราก็เป็นหนึ่งคนในทีมที่สำคัญ เริ่มตัดทอนผลประโยชน์ที่เราพึงได้ โดยอ้างเหตุผลสารพัด สุดท้ายคือการไม่เห็นหัวเราอีกต่อไปโดยแอบย้ายห้องทำงานโดยเลือกเอาวันที่ผู้เขียนไม่ได้เข้าออฟฟิศ หัวหน้าแบบสอนให้เราอย่าไว้ใจใคร

บริษัทที่ 4 หัวหน้าพูดไม่คิด
บริษัทนั้เป็นบริษัทไม่ใหญ่นะ เล็กๆ แต่หัวหน้าทำตัวใหญ่คับบริษัท การมอบหมายงานประเภทจัดกิจกรรมพิเศษเป็นงานที่ต้องคิดและวางแผนอย่างรอบคอบ แต่หัวหน้าคนนี้ไม่บอกกว่าล่วงหน้าแต่มาบอกใกล้วันอีก 2 - 3 วันเท่านั้น ซึ่งเขารู้มาแล้วล่วงหน้าแต่กลับไม่บอก การทำงานของพนักงานคือต้องวางแผนประชุมการดำเนินงานทุกสิ่งอย่างเพื่อให้รัดกุมแต่ก็ไม่ถูกใจเขาเพราะแค่ต้องการเห็นพนักงานทำกันทันทีต่อหน้า ซึ่งเมื่อไม่เห็นการทำงานก็ต่อว่าทันทีด้วยถ้อยคำที่แย่โดยไม่รับฟังสิ่งใด ซึ่งการเจอหัวหน้าประเภทนี้สร้างความนอยด์ให้กับพนักงานเหมือนกัน

บริษัทที่ 5 หัวหน้าชอบประเมิน
ที่นี่หัวหน้างานชอบให้ลูกน้องทำแบบทดสอบประเมินความสามารถ เอะอะๆ เรียกทุกคนวัดผล การวัดผลคือชีวิตของเธอ ซึ่งจริงๆก็ดีนะถ้านำผลไปใช้คิดหาทางพัฒนาลูกน้องและปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น หรือถ้าจะดีสุดคือประเมินเมื่อเลื่อนขั้น เพิ่มโบนัส แต่ที่นี่ทดสอบไปก็เท่านั้น อบรมเพิ่มเติมก็ไม่จัด โบนัสก็ไม่มีแถมทำให้เสียเวลาหลังเลิกงานอีก 2 ชั่วโมงทำการทดสอบ หัวหน้าแบบนี้เพลียมากเลย

บริษัทที่ 6 หัวหน้างานชอบก้าวก่าย
บริษัทนี้หัวหน้างานเป็นต่างชาติ สิ่งที่คิดคือความอิสระในการทำงานได้เต็มที่ แต่เปล่าเลย ทุกกระบวนการเขาแทบจะเข้ามาแทรกแซงทั้งหมด แย่งชิงความดีไปเสียทุกอย่างแต่ความผิดโยนมาอย่างเดียว ในสายตาของทุกคนจะต้องมองเขาทำงานดีเด่นแต่ลูกน้องทำงานแย่เขาจึงต้องเข้าจัดการซึ่งทุกอย่างจะต้องทำตามเขาทุกก้าว ไม่ให้โอกาสลูกน้องคนใดได้ผุดได้เกิด การทำงานกับหัวหน้าประเภทนี้ คือ อย่าทำเด่น เพราะจะโดนลอบเด็ดปีกแบบที่ไม่รู้ตัว

บริษัทที่ 7 หัวหน้าขี้ระแวง
หัวหน้าบริษัทนี้ระแวงไปเสียทุกอย่าง กลัวว่าลูกน้องจะทำงานพลาด การตัดสินใจของเธอไม่เด็ดขาด ว่าการที่ผู้เขียนคุยกับลูกค้าหมายถึงการพยายามที่จะย้ายงาน การออกไปพบลูกค้าหมายถึงการไปสมัครงานที่ใหม่ แรกๆก็รู้สึกดีนะที่เห็นเราสำคัญแต่บ่อยๆ นี่ก็น่ารำคาญใจไม่น้อยทำให้คิดเหมือนกันว่า หัวหน้าคนนี้ไม่ได้ทำร้ายอะไรเราสร้างแต่ความรำคาญใจเหมือนแมงหวี่ เธอคนนี้บางทีก็ขาดการให้เกียรติกันและกัน ซึ่งการทำงานที่ไม่ให้เกียรติกันคือสิ่งที่ฉันทนไม่ได้

บริษัทที่ 8 หัวหน้าขี้นินทา ปากอย่างใจอย่าง
หัวหน้าคนนี้วันๆ ไม่ทำอะไรจ๊ะ เอาแต่จับผิด ฟังความข้างเดียว เธอจะมีสนมคอยรายงานแล้วเธอก็จะเมาท์ไปทั่ว แต่ต่อหน้าเราก็พูดดีทำดี แต่ลับหลังก็เอาเราไปพูดให้เสียหาย เธอจะไม่ถามเราโดยตรงแต่เธอจะให้สนมคอยสอดความเข้าถามแล้วไปรายงาน นี่เราทำงานในองค์กรหรือทำงานในตลาดที่มีแต่พวกช่างเมาท์กันแน่นะ

บริษัทที่ 9 หัวหน้าไร้มารยาท
หัวหน้าคนนี้อายุเกินเกษียณเลยคิดว่าทุกคนจะต้องเกรงใจ เราโดนเธอพูดไม่ดีใส่ตั้งแต่สัมภาษณ์งาน แต่ก็ยังอุตสาห์รับผู้เขียนเข้าไปทำงานด้วย เธอเป็นคนที่คิดจะตำหนิใครก็ทำโดยไม่ดูกาละเทศะ ซึ่งคำที่เธอเลือกตำหนิก็เป็นคำพูดที่แรงและไม่มีศิลปะการพูดเหมือนเธอผ่านร้อนหนาวมาให้อายุมากเท่านั้น แต่กาลเวลาไม่ได้กล่อมเกลาเธอให้เป็นผู้รู้และเชี่ยวชาญเลยสักนิด

บริษัทที่ 10 หัวหน้าเจ้าอำนาจที่ซ่อนเร้น
หัวหน้าคนนี้เป็นถึงก็เป็นคนวัยเลยเกษียณเช่นกันเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่โตที่ไม่ออกสื่อนะ ทุกอย่างเป็นความลับเราต้องคอยออกหน้าให้เสมอเหมือนโดนชักใยอยู่เบื้องหลัง ทุกขึ้นตอนจะต้องมีการเซ็นอนุมัติ แต่ถึงแม้จะมีการเซ็นอนุมัติแล้ว การเซ็นนั้นก็อาจจะกลายเป็นโมฆะได้ทันที หัวหน้าคนนี้ทำให้เราหวาดระแวงตลอดเวลา การประชุมของเขาคือการไปนั่งฟังคิดเฝ้าฝันว่าจะสร้างอนุสาวรีย์ของตัวเอง

บริษัทที่ 11 หัวหน้าจอมด่า
การไปทำงานทุกวันของฉันคือการไปนั่งฟังเขาด่า เขาด่าได้ทุกคน ที่ต้องใช้คำว่าด่า เพราะเขาใช้คำหยาบด่ากันเลยทีเดียว การทำงานกับหัวหน้าคนนี้ มีแต่งานแก้ แก้แล้วแก้อีกแม้ทุกประโยคจะมาจากเขาก็ตาม เราถึงต้องอัดเสียงการสั่งงานเสียทุกครั้ง การทำงานกับหัวหน้าคนนี้เหมือนกาลเดินทางท่ามกลางมรสุม ที่นี่ทำงาน 6 วันแล้วคุณเชื่อไหมว่า ทุกวันเขาจะเรียกพนักงานไปรวมตัวกันแล้วก็ด่าเรียงแผนกเลยจ้า

บริษัทที่ 12 หัวหน้าตัวอย่าง หัวหน้าคนนี้เป็นตัวอย่างของความ…

เมื่อคุณอ่านมาถึงตรงนี้คงคิดว่าถ้าผู้เขียนประสบการณ์ในการเปลี่ยนงานบ่อยขนาดนี้ นิสัยก็คงไม่เบาใช่ไหมล่ะ จริงๆ ก็เป็นคนอดทนพอสมควรนะเพราะแต่ละที่นั้นก็ทำงานอยู่นานเป็นปีเหมือนกัน แต่ถ้าที่ไหนสุดทนก็อยู่ไม่ไหวนะ ผู้เขียนเข้าใจว่าการทำงานเป็นลูกน้องเขาต้องอดทนอย่างสูงนะ แต่ถ้าสุดทนแล้ว เราก็ต้องมาคิดถึงสุขภาพจิตและความสุขในชีวิตเราเช่นกัน วันนี้ฉันเขียนถึงหัวหน้าแต่ละคนซึ่งพวกเขาก็ทำให้รู้ว่า ถ้าฉันเป็นหัวหน้าอยากเป็นแบบไหนซึ่งแน่นอนว่า แบบที่ 2 คือสิ่งที่ฉันเลือก แม้ว่าลูกน้องบางคนจะไม่ชอบแต่ฉันก็ปรารถนาดีกับเขาด้วยใจจริง.

Previous
Previous

ฟรีแลนซ์รุ่นใหม่ ต้องเป๊ะเรื่องเวลา...ถ้าไม่อยากทำงานประจำ

Next
Next

เรียนการแสดงกับอ้น สราวุฒิ