เมื่อกลีบบัวบานกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ประสบการณ์แห่งแรงบันดาลใจที่แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ
เมื่อม่านแห่งฤดูใหม่ค่อยๆ คลี่ออกอย่างนุ่มนวล ใบไม้ริมเจ้าพระยาเริ่มสั่นไหวตามจังหวะลม โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ก็ได้ร้อยเรียงเรื่องราวบทใหม่ของตัวเองสู่สายตาชาวโลกอีกครั้ง—ไม่ใช่ในฐานะเพียงโรงแรมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 148 ปี หากแต่คือฉากสำคัญของซีรีส์ระดับโลก The White Lotus ซีซัน 3 ที่เลือกจะบอกเล่าเรื่องราวซับซ้อนซ่อนเงื่อนผ่านมุมมองที่เต็มไปด้วยความหรูหรา และบรรยากาศอันแฝงความลึกลับของโรงแรมริมแม่น้ำสายประวัติศาสตร์แห่งนี้
ใช่—โรงแรมแห่งเดียวในกรุงเทพฯ ที่ Mike White เลือกให้กลายเป็นฉากหลังของเรื่องราวที่พูดถึงความสัมพันธ์ของผู้คน ความปรารถนา และเบื้องหลังของชีวิตอันแสนสวยงามที่ไม่เป็นดั่งฝัน
สิ่งที่ทำให้ The White Lotus มีพลังเสน่ห์ไม่ต่างจากโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เลย ก็คือความสามารถในการซ่อนความลึกซึ้งไว้ใต้ผิวเงาวาวของความงาม ภายนอกของโรงแรมอาจเป็นแค่ความคลาสสิกหรูหราที่หลายคนคุ้นตา แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยร่องรอยเรื่องเล่า บางเรื่องไม่เคยถูกบอก บางเรื่องกลายเป็นต้นฉบับของแรงบันดาลใจ
Anthony Tyler รองประธานฝ่ายปฏิบัติการและผู้จัดการทั่วไป เล่าถึงวันหนึ่งที่ Mike White เดินเข้ามายังโรงแรมแห่งนี้ พร้อมกับคำพูดที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังว่า “เหมือนได้กลับบ้าน” คำนี้ไม่ได้เป็นเพียงการชมเชย แต่เป็นเครื่องยืนยันว่าเสน่ห์ของโรงแรมแห่งนี้ยังไม่เคยจางหายจากใจใคร—โดยเฉพาะผู้ที่แสวงหาความหมายในรายละเอียดเล็กน้อยของชีวิต
มุมหนึ่งของ The Verandah ที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังไทยขนาด 17 เมตรวาดด้วยเทคนิคแบบโบราณ, ความขรึมละมุนของ The Authors’ Lounge ที่เหมือนกลั่นแรงบันดาลใจออกมาทุกตารางนิ้ว, ไปจนถึงเสียงแซกโซโฟนเบาๆ ยามค่ำจาก The Bamboo Bar… ทุกพื้นที่ในโรงแรมดูเหมือนจะได้รับการคัดเลือกอย่างตั้งใจให้มีบทบาทในโลกของเรื่องเล่าที่เรียกว่า The White Lotus
และเพื่อเฉลิมฉลองการเป็นส่วนหนึ่งของผลงานระดับโลก โรงแรมฯ ได้จัดสรรประสบการณ์สุดพิเศษในชื่อ The Lotus Unfolds แพ็กเกจที่มาพร้อมกับกลิ่นอายของซีรีส์แห่งความพิศวง แขกจะได้พบกับคุณมยุรี เลาลักษณเลิศ ผู้ที่มีบทบาททั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังในเรื่องการบริการมากว่า 35 ปี—และอาจได้เห็นเธอในซีรีส์อีกด้วย
คุณมยุรี เลาลักษณเลิศ ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์
ชุดของขวัญที่ถูกจัดสรรไว้ด้วยกลิ่นอายของ The White Lotus, ห้องพักที่มองเห็นเจ้าพระยาอย่างสงบเสงี่ยมเหมือนบทกวี, และอาหารเช้าที่ The Verandah ที่ไม่ได้เพียงเติมเต็มร่างกาย แต่ยังปลุกอารมณ์ศิลป์ในใจ—ทั้งหมดล้วนได้รับการจัดวางให้แขกผู้เข้าพักได้ “เดินเข้าไปในเรื่องราว” มากกว่าการเป็นเพียงผู้ชม
สิ่งหนึ่งที่น่าหลงใหลคือการที่แพ็กเกจนี้พาผู้มาเยือนได้ออกเดินทางไปในย่านเก่าของกรุงเทพฯ ผ่านสายตาใหม่—สายตาที่มองเห็นเสน่ห์ของการพับดอกบัว มองเห็นเรื่องราวจากจิตรกรรมฝาผนังในฉากเปิดของซีรีส์ ไม่ใช่เพียงเพื่อถ่ายรูปแล้วจากไป หากแต่เพื่อเข้าใจว่าเบื้องหลังนั้นมีความทรงจำทางวัฒนธรรมที่ยังไม่เคยถูกพูดถึงอย่างเพียงพอ
หลังการเดินทางผ่านกรุงเทพฯ ในมุมที่มักถูกมองข้าม แขกจะได้กลับมาเยือน The Authors’ Lounge—สถานที่ที่ Mike White ใช้ทบทวนบทภาพยนตร์ และตอนนี้มีภาพของเขาถูกแขวนเคียงข้างนักเขียนในตำนานหลายท่าน เป็นการสานต่อมรดกแห่งแรงบันดาลใจอย่างแท้จริง
ยามค่ำที่ The Bamboo Bar กลับกลายเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองด้วยค็อกเทลสูตรพิเศษ ‘White Lotus’ ที่ไม่ได้เสิร์ฟแค่รสชาติ แต่เสิร์ฟอารมณ์ของความหรูหราในแบบยุค 1950s—และก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแค่ชิมเพียงคำเดียว ก็ทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นตัวละครหนึ่งในซีรีส์ไปแล้วเหมือนกัน
แพ็กเกจ The Lotus Unfolds อาจไม่ใช่แค่การเข้าพักในโรงแรมระดับตำนาน แต่มันคือการเข้าร่วมในบทใหม่ของเรื่องเล่าที่ผสานอดีต ปัจจุบัน และจินตนาการไว้อย่างแนบเนียน เป็นประสบการณ์ที่ทั้งงดงาม อ่อนโยน และเต็มไปด้วยรายละเอียดเล็กน้อยที่สัมผัสหัวใจ
เพราะบางครั้ง... โรงแรมไม่ได้มีไว้แค่ให้เรานอน แต่มีไว้ให้เราฝัน