ซื้อเครื่องสำอาง...ไม่ให้กระเป๋าฉีก
กิเลสอย่างหนึ่งที่เวลาเห็นของใหม่ๆ โดยเฉพาะเครื่องสำอางออกวางขาย แล้วแบบว่าถูกจริตเราอะไรอย่างงี้ พอเห็นก็อยากได้เสียตังค์ทุกครั้ง แต่ถ้าซื้อมากไปถังก็แตกกระเป๋าก็ฉีกกันได้ ผู้เขียนว่าคุณกับเราเหมือนกันนะ เลยไม่แนะนำให้เลิกซื้อเพราะเดี๋ยวสาวออฟฟิศนักช้อปอย่างเราจะเกิดอาการเก็บกด จึงขอแค่แนะแนวทางช้อปที่ช่วยให้มีเงินเก็บ หมุนเงินทัน และไม่กระเป๋าฉีกแต่ยังสวยสะพรั่งทุกเดือน
การซื้อสกินแคร์ ควรพิจารณาความคุ้มค่า...ก่อนช้อป โดยดูว่าราคาต่อกรัมหารออกมาแล้ว ราคาสมเหตุผลหรือไม่ ซึ่งบางทีเเราอาจไม่จำเป็นต้องซื้อขวดใหญ่หากหารราคาออกมาแล้วขวดเล็กถูกกว่า การซื้อขวดเล็กมีข้อดีอีกอย่างคือเราสามารถเปลี่ยน ผลิตภัณฑ์ให้ผิวได้สัมผัสสิ่งใหม่ๆ บ้าง อย่างน้อย 2 - 3 เดือนครั้ง การซื้อเมคอัพเบสควรเลือกที่มีส่วนผสมกันแดด 50PA+++ ขึ้นไป เพื่อจะได้ไม่ต้องซื้อกันแดดเพิ่ม
ส่วนรองพื้นนั้นแนะนำให้ซื้อไว้ 3 สี คือ สีอ่อนกว่าปกติ สีเดียวกับผิวและสีที่เข้มกว่า สีพวกนี้นำมาเบลนด์แล้วแยกใช้เป็นคอนซีลเลอร์ เฮดดิ้งและไฮไลท์ได้
เมคอัพคัลเลอร์นั้นซื้อแบบแพเล็ตที่มี หลายสีจะใช้ได้คุ้มกว่า สำหรับอายไลน์เนอร์ มาสคาร่า อายโบรว์คัลเลอร์ เลือกที่เข้ากับเราที่สุด บลัชคัลเลอร์ สีส้ม ชมพู เบจ ก็คลาสสิคสุดแล้วค่ะ
ลิปสติกสีที่ควรมีก็ต้องมถ้าเนื้อครีมควรซื้อสีส้มและเบจ แต่สีแดงควรเลือกเนื้อแมทท์เอาไว้ผสมกันได้ ลิปส์บาล์มนี่ต้องมีไว้บำรุง ลิปกลอสเลือกสีใสที่ทาเคลือบได้ทุกสีเพื่อเอาไว้ทาเคลือบลิปสติกสีแก้เบื่อได้ค่ะ
การใช้บัตรเครดิตในการจ่ายค่าสินค้าเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้เรามีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น โดยเลือกใช้บัตรที่สามารถผ่อน 0% นาน 3 เดือนแทนการใช้เงินสดจ่ายไปทีเดียว เมื่อเราจ่ายบัตรเครดิตครบ 3 เดือนเต็ม ก็พอดีกับที่เครื่องสำอางหมด เราก็จะสามารถซื้อของใหม่ได้อีกโดยไม่เสียดอกเบี้ยแถมยังได้สะสมแต้มอีกด้วย มัน WOW มากๆ.