FENDI แฟชั่นโชว์คอลเล็กชั่นเสื้อผ้าชั้นสูงประจำฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ปี 2022

"ในฤดูกาลนี้ ผมต้องการก้าวออกจากกรุงโรม หรืออย่างน้อยก็ต้องการมองกรุงโรมในบริบทของโลก เราจึงนำเอาส่วนประกอบของเมืองต่างๆ ทั้งเกียวโต ปารีส และโรม ชิ้นส่วนที่บ่งบอกความเป็นเมืองนั้นๆ มาใช้สะท้อนให้ได้เห็นทั่วทั้งคอลเล็กชั่น อันเป็นความทรงจำหรือความประทับใจของสิ่งต่างๆ ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต” คิม โจนส์ ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของแผนกเสื้อผ้าชั้นสูงและเสื้อผ้าสำหรับสุภาพสตรีของเฟนดิ กล่าว


สำหรับคอลเลกชั่นนี้ โจนส์และช่างฝีมือของเฟนดิ สร้างสรรค์คอลเลกชั่นโอต์กูตูร์ในฐานะพื้นที่ทับซ้อน (palimpsest) อันเต็มไปด้วยการทำซ้ำ การเปลี่ยนผ่าน ไปจนถึงการนำเอาอดีตมาสร้างสรรค์ผลงานในปัจจุบันเพื่อก้าวไปสู่อนาคต


งานสร้างสรรค์ในแบบโอต์กูตูร์นั้นมีทั้งแบบที่สลับซับซ้อนและแบบที่สามารถเข้าถึงได้ โดยในคอลเลกชั่นนี้ของเฟนดิมาในรูปแบบที่มีความบางเบา พร้อมความรู้สึกสว่างไสว ชัดเจน และความสะดวกสบายสำหรับผู้สวมใส่ เสื้อผ้าที่ดูยิ่งใหญ่อลังการหดหายไปโดยถูกแทนที่ด้วยความนุ่มนวล อ่อนนุ่ม และความเรียบง่าย อันเป็นดั่งตัวแทนของหญิงสาวที่อยู่ในเสื้อผ้าเหล่านั้น

เกียวโตเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างสรรค์คอลเลกชั่นนี้ ด้วยชิ้นส่วนของผ้ากิโมโนจากศตวรรษที่ 18 ที่ถูกนำมาใช้เป็นรากฐานในการสร้างสรรค์ทั้งในแบบการทำขึ้นมาใหม่และการตีความใหม่ รวมไปถึงสิ่งที่เรียกว่า Kata Yuzen ซึ่งเป็นเทคนิคการลงแบบและระบายสีด้วยมือในแบบดั้งเดิมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาเป็นเวลาหลายร้อยปี ถูกนำมาใช้อีกครั้งสำหรับการสร้างสรรค์คอลเล็กชั่นนี้

Lareina Song

โดยผ้าที่ใช้ถูกผลิตในเกียวโตในแบบผืนผ้าไหมแบบดั้งเดิม และจะถูกนำมาตัดเป็นชิ้นและปรับโฉมใหม่ในแบบอสมมาตรเพื่อสร้างสรรค์ชุดกระโปรงลากยาวถึงพื้น งานออกแบบผืนผ้ารูปใบเมเปิ้ลที่เรียกว่า Ode to Autumn อันมีมาตั้งแต่ยุค 1700s  ถูกนำมาใช้ในรูปแบบต่างๆ ตลอดทั้งคอลเล็กชั่น ทั้งในรูปแบบงานปักอันละเอียดอ่อนที่ค่อยๆ ไต่ระดับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงชุดเสื้อคลุมผ้าทูลล์ชุดสุดท้ายของคอลเล็กชั่น

Tang Yixin

นอกจากนี้ เสื้อผ้าในคอลเล็กชั่นนี้ยังเป็นเหมือนการจัดวางคู่ขนานระหว่างตะวันตกและตะวันออก ความเป็นชายและความเป็นหญิง ธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้างสารรค์ขึ้น ขนบธรรมเนียมอันเก่าแก่และความเป็นสมัยใหม่ แสดงให้เห็นตลอดทั้งคอลเลกชั่น อย่างชุดกระโปรง Kata Yuzen อันเป็นเทคนิคจากโลกตะวันออก ก็ถูกโอบล้อมไปด้วยกรงคริสตัลระยิบระยับที่สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณของงานสถาปัตยกรรมของปารีส อันเป็นตัวแทนของโลกตะวันตก

Nini Chen

ความนิยมงานศิลปะและงานออกแบบสไตล์ญี่ปุ่นในตะวันตกในศตวรรษที่ 19 ของฝรั่งเศสหรือที่เรียกว่า Japonisme และงานสไตล์อาร์คเดโค ถูกนำมาหลอมรวมกับงานตัดเย็บในแบบอิตาเลียน ด้วยการใช้หนังวิคูน่า หนังสัตว์ และเฟอร์  โดยสูทหนังวิคูน่าและชิ้นหนังลูกวัวคอนญักถูกนำตัดเย็บในสไตล์มัสคิวลีนด้วยโครงสร้างที่เน้นทั้งภายในและภายนอก ดังเช่นการนำเอาผ้าญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมมาใช้เป็นซับในและเย็บควิลต์ในเสื้อสูทและเป็นซับในในชุดกระโปรง อันเป็นสิ่งไม่อาจเห็นได้จากภายนอก แต่เป็นความหรูหราและรื่นรมย์ภายในที่เฉพาะผู้สวมใส่ถึงจะสัมผัสได้เท่านั้น

นอกจากนี้ ในคอลเล็กชั่นนี้ยังได้แสดงให้เห็นถึงทักษะขั้นสูงของช่างฝีมือขนสัตว์ของเฟนดิ ผ่านเสื้อที่ทำจากผ้าขนมิงค์ที่มีการไถเป็นลวดลายและขึ้นโครงชุดด้วยเทคนิคอินตาร์เซีย รวมไปถึงการนำเอาชิ้นส่วนผ้าญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมจากศตวรรษที่ 18 ที่เรียกว่า Rope Mountain มาตีความใหม่ในรูปแบบงานแอ็บสแตร็กท์ ที่เป็นทั้งพื้นฐานในการสร้างสรรค์และในขณะเดียวกันก็กลายมาเป็นความพิเศษในคอลเล็กชั่นนี้ด้วยเช่นเดียวกัน


Previous
Previous

Van Cleef & Arpels “ตำนานแห่งเพชร – คอลเล็กชั่น 25 เครื่องประดับซ่อนหนามเตย”

Next
Next

Versace เผยโฉมรองเท้าผ้าใบรุ่นใหม่ “Odissea Sneaker”