เตือนภัย! มิจฉาชีพแอบอ้างเป็นประกัน

วันหนึ่ง...ขณะขับรถไปทำงานอย่างสบายใจ รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งได้ชนรถของเรา ขณะที่เรากำลังจอดรถเพื่อจะเข้าไปทำงาน การเกิดอุบัติเหตุทำให้เราต้องเรียกประกันเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมตามปกติ หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แลกเบอร์โทรศัพท์กันและคู่กรณีเซ็นรับผิดในเอกสารที่เกี่ยวข้อง จากนั้นเราจึงแยกย้ายกันไป

แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในอีกสองวันถัดมา วันที่สามหลังจากอุบัติเหตุ คู่กรณีที่เป็นรถมอเตอร์ไซค์โทรมาหาเราและบอกว่า มีคนอ้างว่ามาจากบริษัทประกันโทรมาหาเขา แจ้งว่าเป็นการเรียกเงินจากรถมอเตอร์ไซค์ โดยอ้างว่าจะช่วยไกล่เกลี่ยให้จ่ายค่าซ่อมถูกลง อ้างว่าหากนำรถเข้าอู่ซ่อมจะมีค่าใช้จ่ายสูงถึงหมื่นบาท แต่ถ้าจ่ายเงินสดให้กับพนักงานที่ติดต่อมาโดยตรง พนักงานจะช่วยเคลียร์เรื่องกับเจ้าของรถให้

พอผมฟังเรื่องราวจึงโทรสอบถามบริษัทประกันและได้รับข้อมูลว่า บริษัทไม่มีนโยบายเก็บเงินโดยตรงจากลูกค้าและกระบวนการต้องมีเอกสารส่งไปแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งใช้เวลา 30 วัน, 60 วัน หรือ 120 วันตามลำดับ คผมจึงได้แจ้งขั้นตอนที่ถูกต้องให้คู่กรณีทราบและเตือนให้หยุดติดต่อกับบุคคลที่แอบอ้าง

หลังจากนั้นก็มีสายที่แอบอ้างมาหาผมโดยตรง ผมปฏิเสธการคุยและต่อรองใดใด เพราะนั่นไม่ใช่หน้าที่ผม เพราะเมื่อผมเอารถเข้าอู่ ก็จะเป็นหน้าที่ของทางอู่คุยกับทางประกัน และผมบอกเขาว่า ผมไม่รับทราบใดใด ขอดำเนินการตามขั้นตอนของบริษัทประกันเท่านั้น!

ผมได้แจ้งขั้นตอนที่ถูกต้องให้คู่กรณีผมทราบและเตือนให้หยุดติดต่อกับบุคคลที่แอบอ้างก่อนเสียเงินและเสียรู้ให้มิจฉาชีพ

ข้อสังเกตที่สำคัญคือ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทั้งที่เรายังไม่ได้ส่งรถไปที่อู่ซ่อมเลย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการหลอกลวงโดยการอ้างว่าเป็นตัวแทนจากบริษัทประกันที่ไม่มีตัวตนจริงๆ การดำเนินการในลักษณะนี้เป็นกลวิธีที่มิจฉาชีพใช้เพื่อหลอกเอาเงินจากผู้ที่ไม่ทันระวัง

ขั้นตอนที่แนะนำเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

  • เรียกประกันและตรวจสอบข้อมูล เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ให้เรียกประกันทันทีและตรวจสอบว่าทั้งคู่กรณีมีการประกันและพรบ. ถูกต้องหรือไม่

  • แลกข้อมูลสำคัญ แลกข้อมูลกับคู่กรณี เช่น เบอร์โทรศัพท์, ชื่อบริษัทประกัน, หมายเลขประกัน และข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

  • บันทึกเหตุการณ์ รายงานอุบัติเหตุให้กับบริษัทประกันของคุณทันที พร้อมบันทึกข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับอุบัติเหตุและการติดต่อ

  • ตรวจสอบตัวแทนที่ติดต่อ ระวังการหลอกลวงจากบุคคลที่อ้างว่าเป็นตัวแทนประกัน หากมีข้อเสนอให้จ่ายเงินสด ควรตรวจสอบความถูกต้องกับบริษัทประกันที่แท้จริง

  • การซ่อมรถอย่างปลอดภัย ใช้บริการซ่อมรถที่ได้รับการแนะนำจากบริษัทประกันอย่างเป็นทางการเท่านั้นและขอใบเสนอราคาเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อป้องกันการโกง

หากคุณพบเจอเหตุการณ์ที่น่าสงสัยเช่นนี้ อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจเกี่ยวกับข้อมูลและการติดต่อของผู้ที่อ้างตัวเป็นตัวแทนประกัน และรายงานไปยังบริษัทประกันที่แท้จริงเพื่อปกป้องสิทธิ์ของคุณจากการหลอกลวง

คุณอาจสงสัยว่า มิจฉาชีพ รู้ข้อมูลเราได้อย่างไร

มิจฉาชีพสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเราได้ด้วยหลายวิธี เช่น

  • การขโมยข้อมูลจากเอกสาร หากคุณแลกบัตรประชาชนหรือเอกสารสำคัญกับคู่กรณีในการแลกเปลี่ยนข้อมูล อาจทำให้มิจฉาชีพสามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้นในการหลอกลวงได้

  • การแฮ็กข้อมูล มิจฉาชีพอาจใช้วิธีการแฮ็กระบบหรือฐานข้อมูลของบริษัทประกันหรือบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณ

  • การสร้างข้อมูลปลอม บางครั้งมิจฉาชีพอาจสร้างข้อมูลปลอม หรือใช้ข้อมูลที่ได้รับจากการหลอกลวงคนอื่นมาก่อน เพื่อทำให้ดูเหมือนว่าเป็นตัวแทนจากบริษัทประกัน

  • การติดตามข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย หากคุณแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุหรือรายละเอียดส่วนตัวอื่นๆ บนโซเชียลมีเดีย มิจฉาชีพอาจใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการสร้างข้ออ้างเพื่อหลอกลวง

  • การใช้การติดต่อที่ไม่มีความโปร่งใส การที่มิจฉาชีพใช้หมายเลขโทรศัพท์หรืออีเมลที่ไม่รู้จัก และอ้างตัวเป็นบริษัทประกัน เป็นวิธีที่พวกเขาใช้ในการสร้างความสับสนและหลอกลวง

  • การแฝงตัวในคราบพนักงานมีความเป็นไปได้สูงในเหตุการณ์เช่นนี้ เนื่องจากมิจฉาชีพสามารถใช้กลวิธีที่หลากหลายเพื่อทำให้ดูเหมือนว่าตนเป็นตัวแทนหรือพนักงานของบริษัทประกันอย่างถูกต้อง

นอกจากนี้แล้ว

การทุจริตของพนักงานที่อาจเกิดขึ้นในกรณีเช่นนี้ได้เช่นกัน โดยมีหลายรูปแบบและมักจะเกี่ยวข้องกับการใช้ตำแหน่งหรืออำนาจของตนในการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว นี่คือบางกรณีที่อาจเกิดขึ้น

  • การรับสินบน พนักงานอาจเรียกร้องเงินสินบนจากลูกค้าเพื่อให้บริการที่ไม่จำเป็นหรือให้สิทธิพิเศษ เช่น การลดราคาค่าซ่อมหรือการช่วยดำเนินการเร็วขึ้น

  • การหลอกลวงเกี่ยวกับการซ่อม พนักงานอาจเสนอราคาเกินจริงในการซ่อมแซมรถหรือบริการอื่น ๆ เพื่อให้ได้ส่วนแบ่งจากการจ่ายเงินสด

  • การใช้ข้อมูลลูกค้า พนักงานที่มีการเข้าถึงข้อมูลลูกค้าอาจใช้ข้อมูลนี้ในการหลอกลวงหรือแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว เช่น การสร้างข้อเสนอปลอม หรือการขายข้อมูลส่วนตัวให้กับบุคคลที่ไม่ประสงค์ดี

  • การปลอมแปลงเอกสาร พนักงานอาจปลอมแปลงเอกสารหรือใช้ข้อมูลปลอมในการหลอกลวงลูกค้า หรือเพื่อเรียกร้องค่าใช้จ่ายที่ไม่เป็นจริง

  • การละเลยหน้าที่ พนักงานที่ทุจริตอาจละเลยหน้าที่ที่มีเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เช่น การไม่ดำเนินการตามขั้นตอนปกติ หรือการไม่ให้บริการที่ถูกต้อง

การป้องกันการทุจริตของพนักงาน

  • ตรวจสอบและยืนยันตัวตน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณติดต่อกับตัวแทนที่เป็นจริง โดยการโทรสอบถามกับบริษัทประกันโดยตรง

  • ขอเอกสารที่เป็นทางการ

  • ขอเอกสารและใบเสนอราคาเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทประกัน และตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้กับบริษัท

  • ระวังข้อเสนอที่ไม่สมเหตุสมผล หากข้อเสนอหรือการดำเนินการดูเหมือนดีเกินจริง หรือไม่ตรงตามมาตรฐานที่คาดหวัง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกอย่างถูกต้อง

  • การรายงาน หากคุณสงสัยว่ามีพนักงานทุจริต ควรรายงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือบริษัทประกันเพื่อดำเนินการสอบสวน

แหล่งอ้างอิง

  • กรมประกันภัย - เว็บไซต์กรมประกันภัย: สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการประกันภัยและการจัดการกรณีอุบัติเหตุ

  • สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (IPD) - เว็บไซต์ IPD: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อบังคับและการคุ้มครองผู้บริโภค

  • ศูนย์บริการข้อมูลคุ้มครองผู้บริโภค (Consumer Protection Center) สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการร้องเรียนและการป้องกันการหลอกลวง

  • การใช้แหล่งข้อมูลจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและป้องกันการหลอกลวงในอนาคต


Previous
Previous

หาวิธีลดความเครียดกันเถอะ!

Next
Next

‘โรงเรียนห้ามรัก’ รักในวัยเรียน ต่างมุม ต่างวัย ต่างคิด?