Perlée collection สู่ความเป็นนิรันดร์แด่จิตวิญญาณ
Perlée collection (แปรเล่ ก็อลเล็กซิยง) หรือคอลเลคชั่นแปรเล่ เป็นเครื่องประดับซึ่งสรรค์สร้างขึ้นโดยอาศัยทรวดทรงกลมกลึง และสัดส่วนโค้งเว้าเป็นพื้นฐานสำคัญทางการออกแบบ สำหรับผลงานรุ่นใหม่ประกอบไปด้วยแหวนทองคำสามรุ่นอันโดดเด่นสะดุดตาจากโครงสร้างตัวเรือนรองรับงานสลักริ้วลายคิ้วผนังนูนต่ำร่วมกับงานฝังเพชรเรียงแถวจิกไข่ปลาเพื่อถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากผลงานมรดกประจำเมซง
ประกายสุกสว่างเป็นเงางามราวกับเป็นบทสะท้อนความทรงจำถึง “แหวนขนมทาร์ต" หรือ Tartelette ring (ตารต์แล็ตต์) เมื่อปี 1948 อันเป็นจุดกำเนิดแห่งสไตล์ยอดนิยมอย่างต่อเนื่องตลอดทศวรรษที่ตามมา ปัจจุบันบทระดมเพชรน้ำงามจำนวนมากเพื่อก่อปริมาณในเชิงทรวดทรงเพื่อนำมาฝังเรียงแถวจิกไข่ปลา (Pavé) บนหัวแหวนแปรเล่ตัวเรือนทองทั้งสาม นำมาซึ่งความหลากหลายในการจับคู่สวมใส่ร่วมกับเครื่องประดับอื่นๆ ในคอลเลคชั่นต่างๆ ของ Van Cleef & Arpels
Dazzling curves
เพื่อสืบสานความเป็นนิรันดร์ให้แก่จิตวิญญาณแห่งความเบิกบาน สนุกสนานอันได้จากความเพลิดเพลินระหว่างเลือกจับคู่สวมใส่สลับเปลี่ยนกับเครื่องประดับแบบต่างๆ ในคอลเลคชั่น แปรเล่ คอลเลคชั่น เมซงอาศัยแรงบันดาลใจจากหนึ่งในผลงานมรดกทางการออกแบบของตนมารังสรรค์ขึ้นใหม่ ในรูปแบบของแหวนทรงกลมถึงสามรุ่น แต่ละรุ่นทำจากทองคำต่างประเภท นั่นคือทองคำสีเหลือง, ทองคำขาว และทองคำสีกุหลาบ ซึ่งล้วนโดดเด่นเป็นหนึ่งด้วยโครงสร้างตัวเรือนรองรับงานสลักริ้วลายคิ้วผนังนูนต่ำ แบบที่เห็นได้จากสถาปัตยกรรมคลาสสิกที่ใช้ตกแต่งขอบเพดานผนังห้อง, คิ้วบัวหัวเสา และงานประดับขอบโต๊ะ อันกลมกลืนเข้ากับความอ่อนช้อย วิจิตรบรรจงของทรงสัณฐานเพื่อร่วมกันมอบความสบายให้ข้อนิ้วของผู้สวม ลูกเล่นในเชิงปริมาตรการซ้ำงานของริ้วลายคิ้วนูนต่ำนั้น หาได้ต่างอะไรจากมหามงกุฎของตัวเรือนที่รายล้อมหัวแหวนทรงโคมโค้งกลมศูนย์กลางการรองรับเพชรหลากขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ซึ่งเผยประกายล้อแสงสุกสว่างจากการฝังเรียงแถวจิกไข่ปลาก่อระดับลดหลั่นเป็นลวดลายสะดุดตา
นี่คือกลุ่มผลงานซึ่งร่วมกันเติมวิถีใหม่ในเชิงสุนทรียศิลป์ให้แก่คอลเลคชั่นเครื่องประดับแปรเล่ ประกายล้อแสงเรืองละออของริ้วลายคิ้วนูนต่ำระยิบระยับวับวาวไปกับทุกการเคลื่อนไหวของปลายมือ ทุกสายตาราวถูกสะกดให้จับจ้องไปกับหลากลีลานาฏกรรมระหว่างเพชรพรายแสงกับทองคำสุกสกาว เมื่อสวมใส่ร่วมกับเครื่องประดับอื่นๆ ในคอลเลคชั่นแปรเล่ แหวนเหล่านี้คือบทเติมเต็มความเลอค่าได้อย่างกลมกลืน และลงตัวจากการมอบหลากหนทางความเป็นไปได้ในการจับคู่ ผสมผสานนับไม่ถ้วนตามแต่จินตนาการ และความปรารถนาของผู้เป็นเจ้าของ
A ring inspired by the heritage of Van Cleef & Arpels
เมื่อปี 1948 มีการปรากฏของแหวนรุ่นหนึ่ง ซึ่งถือเป็นผลงานการออกแบบชิ้นสำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งเมซงด้วย ตัวเรือนทรงวงรีรองรับขอบหัวแหวนทองคำสลักริ้วลายคิ้วนูนต่ำ แบบเดียวกับที่จะพบได้ในสถาปัตยกรรมงานตกแต่งยุคคลาสสิก งานนูนต่ำซ้ำลายต่อเนื่องเป็นวงล้อมแอ่งเว้าใจกลางหัวแหวนที่ใช้รองรับการฝังเพชรนี้ เป็นโครงสร้างของทรวดทรงซึ่งจำลองแบบมาจากแหวนลัญจกร ในขณะที่ลายคิ้วนูนต่ำ คือบทสะท้อนถึงเทคนิคเชิงศิลป์ตามธรรมเนียมดั้งเดิมแบบต่างๆ ที่ใช้ในงานโลหะตกแต่งขอบโต๊ะยุคโบราณ อันที่จริง ในตอนปลายทศวรรษ 1940 มีบ่อยครั้งที่ Van Cleef & Arpels จะอาศัยแรงบันดาลใจจากศิลปะแขนงอื่นๆ อาทิเช่นการตัดเย็บเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายในแวดวงแฟชั่น เพื่อนำมาใช้ทวีความงดงามของทองคำ และประกายสว่างเป็นเงางามผ่านรายละเอียดนูนต่ำของพื้นผิวเนื้องาน
แหวนรูปไข่ หรือทรงวงรีประดับริ้วลายคิ้วนูนต่ำจำลองแบบรายละเอียดสถาปัตยกรรมทางการตกแต่งนี้ ได้รับการจดสิทธิบัตรเมื่อปี 1949 โดยทำการตั้งชื่อว่า Tartelette (ตารต์แล็ตต์ หรือ “ทาร์ต”) ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างน่าจับตาในตลอดทศวรรษที่ตามมาหลังจากนั้น พร้อมกับได้รับการรังสรรค์ขึ้นใหม่ในหลากรูปทรง จากทรงกลมไปจนถึงทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือกระทั่งขดวงก้นหอย และอื่นๆ อีกมากมายภายใต้งานประดับเพชร หรือพลอยเนื้อแข็งชนิดอื่นๆ แหวนเหล่านี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องประดับ “La Boutique” คอลเลคชั่นต่างๆ เพื่อเป็นตัวแทนความทันสมัยของยุคนั้น อีกทั้งยังบ่งบอกถึงรสนิยมชมชอบอันมีต่อความวิจิตรบรรจงเชิงโครงสร้างของตัวเรือนทองคำสีเหลือง เหมาะอย่างยิ่งในการเป็นเครื่องประดับสำหรับยามกลางวันด้วยงานออกแบบที่เน้นความโดดเด่นเชิงน้ำหนักทรวดทรง หรือความกว้างเชิงสัณฐาน จากทศวรรษ 1950 จนถึง 1970 ความอ่อนช้อยของเส้นโค้งบนลายคิ้วนูนต่ำ ถูกนำมาใช้ตกแต่งเรือนแหวน, ต่างหูและนาฬิกาข้อมือ ตลอดจนเครื่องประดับใช้งานมากมายของทั้งสุภาพบุรุษ และสุภาพสตรีอย่างปลอกไฟแช็ค, ตลับแป้ง รวมถึงขวดน้ำหอม
ล่าสุด สุนทรียศิลป์ทางงานออกแบบนี้ ถูกรังสรรค์ขึ้นสำหรับใช้ร่วมกับหัวแหวนทรงโดมโค้งกลมที่รองรับงานฝังเพชรเรียงแถวจิกไข่ปลา เพื่อให้ผลงานรุ่นใหม่ได้แสดงถึงความเลอค่า ทั้งในเชิงวัสดุ และความประณีตทางการผลิตจากลีลาลูกเล่นระหว่างแสง กับผิวโค้ง นี่คือจุดกำเนิดของ “แหวนแปรเล่ฝังเพชรเรียงแถวจิกไข่ปลา” (Perlée diamonds pavé ring)
Excellence in craftsmanship
บรรดาผลงานเครื่องประดับแปรเล่ ถือเป็นตัวแทนขนบธรรมเนียมทางความเป็นเลิศของ Van Cleef & Arpels ทุกรายละเอียดคือบทสะท้อนทักษะ ความชำนาญชั้นสูง ร่วมกับไหวพริบในการพลิกแพลงเทคนิคต่างๆ ทางการสรรค์สร้างของเมซง สำหรับเรือนแหวนแต่ละวง เหล่าช่างฝีมือเครื่องประดับต่างถ่ายทอดความรัก ความมุ่งมั่นปรารถนา และความประณีต พิถีพิถันถึงขีดสุดของตนผ่านปลายมือที่ใช้ประดิษฐ์งานโลหะทองสลักริ้วลายคิ้วนูนต่ำ ทีละร่องริ้ว ทีละลวดลาย เพื่อก่อรูปทรงขดก้นหอยวนโค้งในสัดส่วนซึ่งผ่านการคำนวณอย่างระมัดระวัง ก่อนไปสู่ขั้นตอนขัดผิวเพื่อทวีศักยภาพในการสะท้อนแสง เร่งประกายสุกสว่างเงางาม ในขณะเดียวกัน พื้นผิวด้านในของเรือนแหวนก็ได้รับการขัดผิวอย่างละเอียดละออเช่นกันเพื่อมอบความงดงามเชิงสุนทรียศิลป์ในความกลมกลืนควบคู่ไปกับการมอบสัมผัสสบายผิวเรียวนิ้วยามสวมใส่
สำหรับเพชรประดับโดมโลหะทอง ต่างถูกเลือกตามมาตรฐานคุณภาพชั้นสูงอย่างเคร่งครัดที่สุด นั่นคือ D ถึง F ในแง่ของสี และ IF ถึง VVS ในประเด็นความกระจ่างใสของน้ำเพชร นอกจากนั้น ยังอาศัยโครงสร้างตัวเรือนทองคำฉลุโปร่งเพื่ออำนวยให้แสงส่องผ่านทวีประกายสุกสว่างระยับพรายให้แก่น้ำเพชรใสบริสุทธิ์ตามธรรมเนียมการผลิตเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูง แหวนแต่ละวงรองรับการฝังเพชร 37 เม็ดต่างขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง น้ำหนักรวมทั้งสิ้น 2.28 กะรัต และถูกจัดตำแหน่งเรียงแถวเพื่อเน้นความชัดเจนของระดับสูงต่ำ ลดหลั่นตามสัณฐานทรวดทรง
Countless combinations
แหวนแปรเล่ฝังเพชรเรียงแถวจิกไข่ปลาหรือ Perlée diamonds pavé ring เหล่านี้คือผลงานเติมเต็มคอลเลคชั่นซึ่งมอบหลากหนทางเป็นไปได้นับไม่ถ้วนในการจับคู่เครื่องประดับชิ้นต่างๆ สำหรับสวมใส่สร้างสไตล์อันทรงเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นกำไลข้อมือ, แหวนรุ่นอื่นๆ หรือเหล่าจี้สร้อยคอเดินขอบด้วยแถวไข่มุกทอง ทั้งหมดล้วนกลมกลืนเข้ากับแหวนรุ่นใหม่นี้ได้อย่างลงตัว และถ้าต้องการขยายขอบเขตความหลากหลายทางรูปแบบให้ดูน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น แหวนรุ่นใหม่นี้ยังเข้ากันได้ดีกับเครื่องประดับแปรเล่ทรงใบโคลเวอร์สี่แฉกฝังเพชรเดี่ยวตรงกึ่งกลางแผ่นโมทิฟ หรือกระทั่งความงามสง่าของทรวดทรงอ่อนช้อยภายใต้กรอบเส้นโค้งเว้าของเครื่องประดับอัลลองบรา ลีลาการไล่ระดับความเข้มแสง และเฉดโทนของเครื่องประดับอัลลองบราหาได้ต่างอะไรจากการจุดประกายความสนุกสนานในกลเกมแห่งการจับคู่สวมใส่ให้สอดคล้องกับทุกฤดูกาล และถ่ายทอดทุกอารมณ์ ความรู้สึก