ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และกระทรวงการต่างประเทศร่วมแถลงผลการตัดสินผู้ได้รับพระราชทาน “รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์” ครั้งที่ 1 ประจำปี 2566
ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์อุดม คชินทร ประธานกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะรัชตะนาวิน รักษาการรองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์และรองประธานกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ในพระอุปถัมภ์ฯ รองศาสตราจารย์ดร.ทัศนา บุญทอง กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ในพระอุปถัมภ์ฯศาสตราจารย์ แพทย์หญิงจิรพร เหล่าธรรมทัศน์ กรรมการประชาสัมพันธ์มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ในพระอุปถัมภ์ฯ นายธนวัต ศิริกุล รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และ Dr. Bill Davis, Representative of American ambassador to Thailand ได้ร่วมกันแถลงผลการตัดสินผู้ได้รับพระราชทาน“รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์” ครั้งที่ 1 ประจำปี 2566 ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 3 สำนักงานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ “Princess Chulabhorn Award”
รางวัลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติและเผยแพร่พระเกียรติคุณ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานและนายกสภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ในโอกาสทรงเจริญพระชันษา 65 ปี วันที่ 4 กรกฎาคม 2565 ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อประชาชนชาวไทยโดยเฉพาะด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อการป้องกัน ควบคุมโรคมะเร็ง และดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็ง นอกจากทรงเป็นนักวิทยาศาสตร์แล้วยังได้ทรงตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งทรงก่อตั้งโรงพยาบาลจุฬาภรณ์เพื่อให้บริการสำหรับผู้ป่วยมะเร็งขึ้นเป็นการเฉพาะโดยเปิดบริการแก่ประชาชนทั่วไป ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552 มาอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบันโดยมีความเจริญก้าวหน้า มีชื่อเสียงเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน
สภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จึงเห็นควรเสนอจัดให้มีรางวัลระดับนานาชาติขึ้น เพื่อพิจารณาให้แก่ผู้มีผลงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ด้านการป้องกัน ควบคุม และ/หรือดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็ง เกิดผลดีต่อมนุษยชาติมีการกำหนด ขอบเขตของรางวัล ขั้นตอน วิธีการ แนวปฏิบัติและสภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้เห็นชอบให้จัดตั้งมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒนวรขัตติยราชนารี เพื่อให้รางวัลนานาชาติ Princess Chulabhorn Award สามารถดำเนินการได้อย่างถาวรและเป็นระบบในระยะยาว โดยรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ “Princess Chulabhorn Award” เป็นรางวัลที่สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เป็นองค์ประธานมอบรางวัลให้แก่บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ปฏิบัติงาน และ/หรือวิจัย มีผลงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ในการควบคุม รักษาและการดูแลโรคมะเร็งอันก่อให้เกิดประโยชน์แก่มนุษยชาติ ซึ่งมีกำหนดการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีโดยมีจำนวนผู้ได้รับรางวัลในแต่ละปี จำนวน 1 รางวัล และผู้ได้รับรางวัลจะได้รับโล่รางวัล,
ประกาศนียบัตร และเงินรางวัล จำนวน 50,000 เหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ มีผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ประจำปี 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 15 คน จาก 8 ประเทศ โดยผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ 3 คณะ อันได้แก่
1. Scientific Advisory Committee กรรมการสรรหาผู้มีผลงานและมีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อเสนอเข้ารับการพิจารณาคัดเลือกเป็นผู้รับรางวัล รวมทั้งการกลั่นกรองผู้ได้รับการเสนอชื่อเพื่อรับการพิจารณาคัดเลือกเป็นผู้รับรางวัล
2. International Award Committee กรรมการนานาชาติ พิจารณาคัดเลือกผู้ได้รับการเสนอชื่อ (Nominee) เป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด จำนวนไม่เกิน 2 คนเป็นผู้สมควรได้รับการพิจารณารับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ จากนั้นนำเสนอต่อคณะกรรมการลำดับที่
3. Board of Trustees for the Princess Chulabhorn Award Foundation กรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ซึ่งทำหน้าที่ในการพิจารณาตัดสินผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดเป็นผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์สำหรับ ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2566 ได้แก่
ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์อาแบส อะลาวี (Abass Alavi, MD, MD(Hon), PHD(Hon), DSc(Hon)) ศาสตราจารย์ สาขาวิชารังสีวิทยาโรงพยาบาลแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย รองผู้อำนวยการสาขาวิชา ผู้สูงอายุ คณะแพทย์ศาสตร์พีเรลแมน มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา โดย ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์อาแบส อะลาวี และทีมงานได้คิดค้นแนวคิดในการติดฉลาก deoxyglucose ด้วยฟลูออไรด์ที่เปล่งโพซิตรอน (18F) นำไปสู่การพัฒนา fludeoxyglucose (FDG) ซึ่งเป็นสารเภสัชรังสีแรกที่ได้รับการอนุมัติทางคลินิกในการถ่ายภาพ PET และเป็นสารเภสัชรังสีที่ยังคงใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
โดยศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ อาแบส อะลาวี เป็นคนแรกที่นำ 18 F-FDG มาใช้ในมนุษย์ตั้งแต่ในปี ค.ศ. 1976 และทำการถ่ายภาพสมองโดยใช้เครื่องตรวจเอกซเรย์ปล่อยโฟตอนเดี่ยวหรือ single-photon emission tomography (SPET) ที่ผลิตเอง นอกจากนี้เขายังทำงานเกี่ยวกับการสร้างภาพของร่างกายมนุษย์ทั้งหมดผ่านเครื่องมือ rectilinear ทีมของเขาเป็นผู้บุกเบิกการใช้ 18 F-FDG ในการถ่ายภาพสมองปกติและความผิดปกติของสมองและยังได้แนะนำการใช้ 18 F-FDG สำหรับการถ่ายภาพเพทสแกนในมะเร็ง การติดเชื้อ การอักเสบหลอดเลือดแข็งตัว การตรวจจับก้อน และความผิดปกติของกล้ามเนื้อ ทั้งนี้
การถ่ายภาพด้วยเพทสแกนได้กลายเป็นวิธีการตรวจวินิจฉัยที่สำคัญสำหรับโรคต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคมะเร็งและความผิดปกติของระบบประสาทงานของเขาได้นำไปสู่การพัฒนาไอโซโทปรังสีที่ปลอดภัยสำหรับการถ่ายภาพ PET และการพัฒนาซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่นำเราได้พัฒนาจากการสแกน PET-planar มาสู่ PET-CT และPET-MRI ในปัจจุบัน ปัจจุบัน ศาสตราจารย์ นายแพทย์อาแบส อะลาวี ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาวิจัย ภาควิชารังสีวิทยา
และรองผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาผู้สูงอายุ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา การวิจัยของเขาเกี่ยวกับ PET ยังคงดำเนินต่อไปเพราะเขามุ่งมั่นที่จะค้นหาและพัฒนาวิธีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการใช้ PET ในการดูแลสุขภาพของคนทั่วโลก ด้วยผลงานตีพิมพ์กว่า 1,500 ฉบับ และการอ้างอิงมากกว่า 75,000 ครั้ง จนได้รับการยกย่องว่าเป็น " บิดาแห่งเวชศาสตร์นิวเคลียร์ "
ในส่วนกำหนดการพิธีพระราชทาน “รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์” ครั้งที่ 1 จะจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคม พุทธศักราช 2567 ซึ่งตรงกับเดือนประสูติ ของ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒนวรขัตติยราชนารี โดยพระราชทานพระวโรกาสให้ ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ อาแบส อาลาวี จากประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าเฝ้ารับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ “Princess Chulabhorn Award” ประจำปี 2566 ในวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ณ ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร และจะเสด็จพระดำเนินไปในงานเลี้ยงรับรองอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ อาแบส อาลาวีและเป็นพระกรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แก่คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ในพระอุปถัมภ์ฯ พร้อมกันนี้จะมีการจัดประชุมวิชาการรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ครั้งที่ 1
ขึ้นภายใต้แนวคิด Thailand against cancer as one ประเทศไทยรวมใจต้านภัยมะเร็ง ซึ่งศาสตราจารย์ดร. นายแพทย์ อาแบส อาลาวี จะแสดงปาฐกถาพิเศษเกี่ยวกับผลงานด้านมะเร็งในหัวข้อ Molecular and Nuclear Imaging in Cancer Care สำหรับการจัดประชุมวิชาการรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์
มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้เกิดการบูรณาการขับเคลื่อนนโยบายสุขภาพที่สำคัญในด้านการป้องกัน ควบคุม และการดูแลรักษาโรคมะเร็งในประเทศไทย จากหน่วยงานที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันและขับเคลื่อนนโยบายระดับชาติในการร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมวิชาการ ได้แก่ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งในประเทศไทยเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิชาการด้านมะเร็งวิทยาทั้งในระดับประเทศและนานาชาติและร่วมกันเผยแพร่นิทรรศการผลงานวิชาการยุทธการต้านมะเร็งในประเทศไทย ทั้งในด้านการป้องกันควบคุม การศึกษาวิจัยเรื่องโรคมะเร็งที่ต่อยอดสู่การพัฒนานวัตกรรม
การนำเทคโนโลยีทางการแพทย์มาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับการรักษาโรคมะเร็งในประเทศไทยให้ทัดเทียมนานาประเทศ ตลอดจนร่วมกันส่งเสริมประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งเพื่อให้ประเทศไทยสามารถก้าวทันความรู้ทางการแพทย์ที่เจริญก้าวหน้า ลดวิกฤตปิดช่องว่างให้คนไทยสามารถเข้าถึงการป้องกันดูแลและรักษาโรคมะเร็งที่มีคุณภาพได้อย่างเท่าเทียมตามพระปณิธาน