ไต่เขาชมทะเลหมอกปี 2019 ที่ บ้านจ่าโบ่ จ. แม่ฮ่องสอน
เมื่อลมหนาวมา การเดินทางไปตามเสียงกระซิบของสายลมหนาวก็เริ่มต้นขึ้น โดยการเดินทางครั้งนี้ เริ่มจาก กรุงเทพ สู่ปลายทาง แม่ฮ่องสอน โดยมี บ้านจ่าโบ่ เป็นจุดหมายแรก เราวางแผนเที่ยวทริปนี้ 3 วัน 2 คืน โดยจะพักที่บ้านจ่าโบ่ 1 คืน และ อีกคืนเราจะไปพัก ปาย
วันแรก
ไป...ออกเดินทางกันเลยจ้า
เราจองตั๋วเครื่องบินลง เชียงใหม่ รอบเช้าเลย แล้วเรียกรถแท็กซี่ไปอาเขต หลังจากนั้นก็เดินทางไปรถตู้เปรมประชาตรงขึ้น จ่าโบ่ ซึ่งทางที่พักได้มารับที่ปากทางเข้า บ้านจ่าโบ่ (ต้องนั่ง สายเชียงใหม่ -ปาย-แม่ฮ่องสอน แล้วบอกคนขับว่าจะลงปากทางจ่าโบ่
เราขอแนะนำเพิ่มเติมว่า ถ้ารู้เวลาเครื่องลงแล้วควรจองรถตู้ไว้เลยล่วงหน้าเลย ไม่งั้นจะผิดแผนแบบเรา เราตั้งใจไปถึงเชียงใหม่ เจ็ดโมงกว่า แล้วตรงขึ้นรถทันทีแต่ด้วยไม่ได้จองไว้ล่วงหน้า เลยทำให้ไม่มีเที่ยวรถไป ต้องรอเที่ยวรถถึงสองชั่วโมงกว่า ซึ่งถ้าเต็มอีกเราก็ต้องรอไปอีก
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางประมาณ 1,100 บาท/คน (ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน)
- รถแท็กซี่จากสนามบินไปอาเขต 200 บาท/เที่ยว + รถตู้ลงบ้านจ่าโบ่ 250 บาท/คน + รถจากที่พักมารับ 150 บาท/เที่ยว)
เวลาใช้เวลาเดินทาง จากเชียงใหม่ถึงบ้านจ่าโบ่
รถออก 10.30 - 15.30 (5 ชั่วโมงเลยเหรอ เพิ่งรู้ตัวนานขนาดนี้...)
สำหรับที่พัก เราพักโฮมสเตย์ บ้านจ่าไคแซ คนละ 300 บาท รวมข้าวเย็น 1 มื้อ (ลิ้งค์จะแนบให้ตอนจบ รีวิวนะครับ) เมื่อมาถึงที่พัก ทางที่พักถามจะขึ้น "ภูผาหมอกไหม คนละ100 บาท” เราตอบเลยว่าขึ้นโดยไม่คิดอะไร…เดี๋ยวมาดูกันว่าจะคุ้มราคาหรือไม่
เมื่อจัดการเก็บสัมภาระเรียบร้อย เราเริ่มออกเดินสำรวจบริเวณโดยรอบ เดินจากที่พักไปจะร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาจ่าโบ่ ไม่ไกลนัก บรรยากาศร้านน่านั่งและอากาศก็ดีมาก ๆ (วันที่ไปอุณหภูมิประมาณ 20กว่าองศา) เราสั่งเมนู ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ราคา 40 บาท (พิเศษ 50 บาท เพิ่มไข่ฟองละ 5 บาท) รสชาติโอเคเลยไม่เผ็ดจัดจ้านเกินไป ใครชอบรสจัดก็ปรุงเพิ่มได้เลย ส่วนวิวและบรรยากาศก็ตามรูปเลยจ้า...
นอกจากนี้ในร้านยังมีขายกาแฟจำหน่ายด้วย รสชาติดีนะ ดื่มสบายๆ ชิลๆ ราคาอยู่ที่ 50-70 บาท/แก้ว ร้านนี้จะปิดประมาณ 4 โมงเย็นนะครับ
เมื่อจัดการเรื่องปากท้องจนเสร็จเรียบร้อย จากตรงนี้เราก็เดินทอดน่องชมบรรยากาศรอบๆ แล้วเข้าที่พักอาบน้ำก็ราวๆ 6 โมงเย็น ที่นี่ไม่มีน้ำอุ่นให้อาบมีน้ำในถังตักอาบซึ่งน้ำเย็นมาก ขันแรกเย็นจนสั่นกันเลยทีเดียวพอชินก็แทบไม่อยากขึ้นเพราะแบบสดชื่นมากๆๆ (จริงๆคือหนาว) พออาบเสร็จ ก็รอกินข้าวซึ่งน้องเจ้าของบ้านก็ยกมาให้
อาหารเย็นง่ายๆแต่อร่อย อาหารมีไข่เจียว ผัดกระหล่ำปลีหมูสับ แกงจืดฟักใส่ตะไคร้ มาพร้อมข้าวสวยหนึ่งโถ คือ ข้าวหุ่งดีมาก นุ่มทานอร่อยเลยซึ่งเราก็ทานจนเกลี้ยง พออิ่มแล้วก็นั่งชิลฟังเพลงเบาๆ เปิดจากโทรศัพท์เปิดเบามากเพราะเกรงใจบ้านหลังอื่น ในยามค่ำคืนที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบ เราฟังเพลงไป จิบเบียร์ไป โอย...สุขใจจัง เวลาประมาณสามทุ่มก็เข้านอนเลย บรรยากาศตอนนั้นมองออกไปไกลๆ เราเห็นหมอกมาแล้วกำลังเริ่มสวย พรุ่งนี้แหละจะมีโอกาสได้ชมทะเลหมอกเต็มๆ (น้องเจ้าของที่พักบอกว่า วันก่อนที่เราเดินทางมาเป็นวันที่ไม่มีหมอกเลย ต้องคอยดูว่าถ้าคืนนี้มีหมอกตอนสักสามทุ่ม วันพรุ่งนี้จะได้ชมทะเลหมอกสวยๆ)
วันที่สอง
เมื่อล้างหน้าตาเสร็จ น้องเจ้าของก็นำทางขึ้นภูผาหมอก คิดค่านำทางคนละ100บาท (ในใจก็แอบคิดนะว่า แหมคิด 100 บาทแหน่ะนึกว่าจะขึ้นรถไปซะอีกแถมเดินจากที่พักไป1 ก.ม.เอง) เมื่อต้องจ่ายก็จ่ายนะ ตอนแรกก็เดินสบายอยู่หรอกแต่น้องไม่ได้บอกว่าต้องเดินขึ้นเขา และ ปีนเขาด้วยนะพี่ เราก็แต่งตัวแบบจัดเต็มไปแบบหนาวๆ หนาๆ คูลๆ เดินไปสักพักเหงื่อแตกจ้า ขาเริ่มล้า ดังนั้นสำหรับใครที่จะขึ้นไปชมวิวสวยๆ แนะนำให้แต่งตัวทะมัดทะแมงหน่อย เตรียมกางเกงขายาวไปเลือกแบบที่ก้าวขา ฉีกขา ปีนป่ายได้สะดวกนะจะได้ป้องกันขาเวลาปีนเขาจะได้ไม่ถลอก สัมภาระใส่เป้ไว้ดีสุด อย่ามาสะพายข้างหรือคล้องคอเลยนะเพราะมันจะเกะกะสุดๆ ที่สำคัญเตรียมร่างกายให้พร้อมเพราะมันสูงและชันมาก บอกเลยร่างกายไม่พร้อมมีหอบ ซึ่งถ้าจะดูทะเลหมอกสวยๆ ยังไงก็ต้องปีนไปให้ถึงยอดเขา…
สั่นสู้เพื่อชมวิวแบบ 360 องศา เมื่อปีนๆไต่ๆจนถึงจุดหมาย เรารู้สึกตื่นตาตื่นใจเหมือนพบโลกใหม่ เราได้เห็นวิวงดงามแบบ 360 องศาเลยหล่ะเพราะตอนนี้เราอยู่ยอดเขา ที่แห่งนี้เราได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น แสงสวย อบอุ่นและคุ้มค่าสุดๆ ที่ได้ขึ้นมา ซึ่งถ้ามาบ้านจ่าโบ่แล้ว ยังไงก็ต้องขึ้นมาให้ได้เลยนะ เพราะเป็นจุดไฮไลท์ของที่นี่ นั่งพักที่ยอดเขาแป่บเดียวก็มีอีกทีมตามมาประมาณ 7 คน (ทีมเรา 3 คน) ก็คิดในใจว่า ยอดเขาแคบขนาดนี้จะขึ้นมายังไงหมด แต่ก็ขึ้นมาหมดเราเกาะหินแน่นเลย เวลาย้ายมุมถ่ายรูปก็ต้องระวังกันดี ค่อยๆขยับๆ (100 บาทที่จ่ายไปถือว่าคุ้มเลย เพราะน้องต้องคอยดูแลและคอยช่วยเหลือตลอดทาง)
ประมาณ 8 โมงเช้าก็ลงมาจากภูผาหมอก (ตอนนั้นขาสั่น ตัวสั่นเลยกลัวด้วยความที่ยอดเขาสูง ผสมกับความเหนื่อยด้วย 555) น้องนำทางแนะนำร้านกาแฟชื่อร้าน "เด็กดอย" บรรยากาศร้านก็ตามสไตล์สบายๆ ดูวิวทะเลหมอก (ช่วงที่เราอยู่ร้านหมอกฟุ้งแล้วทำให้มองไม่เห็นเป็นทะเลแต่วิวก็ยังงามอยู่ อากาศเย็นสบายสุดๆ)
เราประทับใจกาแฟร้านนี้มาก เจ้าของก็เป็นกันเอง ชงพิถีพิถันสุด กาแฟหอมและมีรสดีละมุนลิ้น เราสั่งทั้งลาเต้ร้อน ลาเต้เย็น และนมชมพู คือดีทั้ง3แก้วเลย ติดใจมากๆ ดื่มกาแฟแล้วก็เดินมาอีกนิดมากินข้าวเช้าตามสั่งที่บ้านฟ้าใสที่นี่ก็วิวดี สวย ช่วงเวลาตอนนี้ได้เห็นทะเลหมอกอีกครั้งแต่ก็เบาลงจากเมื่อเช้าเลยได้เก็บภาพสวยๆมาฝากกัน
สำหรับทริปนี้แอบเสียดายน่าจะนอนที่นี่ต่ออีกสักคืนเพราะใกล้ๆ ยังมีที่เที่ยวอื่นๆน่าสนใจอีก ซึ่งคิดไว้แล้วว่าจะต้องมาซ้ำที่นี่อีกครั้ง...
ได้เวลาที่เราต้องเดินทางต่อแล้ว หลังจากนี้เราลงไปพัก ปาย โดยจะเขียนรีวิวครั้งหน้าโดยต่อจากตรงนี้ไปนะครับ จะเป็นการเดินทางจะมีตั้งแต่ดอยกิ่วลม - ถนนคนเดินปาย - หมอนหยุนไหล และ บ้านสันติชน ขอบคุณที่ติดตามอ่านรีวิว สนใจไปก็ถามมาในช่องคอมเม้นท์ได้เลยครับจะทยอยตอบให้นะครับ.
Writer by NON:D
Edited by PuffxMe