เมื่อโซเชียลมีเดีย ทำให้เราใจร้ายกว่าที่เราคิด
โซเชียลมีเดียกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงอิทธิพลในชีวิตประจำวันของเราในทุกวันนี้ ด้วยความสะดวกและรวดเร็วในการสื่อสาร การแสดงความคิดเห็น หรือแม้แต่การเชื่อมต่อกับผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก แต่สิ่งที่ตามมาจากการใช้โซเชียลมีเดียอย่างแพร่หลายคือการที่จริยธรรมในการแสดงความคิดเห็นเริ่มลดลง การแสดงความคิดเห็นในโซเชียลมีเดียมักจะถูกขับเคลื่อนโดยอารมณ์มากกว่าความคิดเชิงเหตุผล และการปลุกระดมให้เกิดการคอมเมนต์ที่รุนแรงยิ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โลกออนไลน์กลายเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์
จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน "The Journal of Social Media in Society" พบว่า ผู้คนในโลกออนไลน์มักจะไม่คำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแสดงความคิดเห็น เพราะโซเชียลมีเดียเปิดโอกาสให้เราสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระและทันที โดยไม่มีการกรองหรือการพิจารณาผลที่ตามมา ความเป็นนิรนามในโลกออนไลน์ทำให้หลายคนรู้สึกว่าไม่ต้องรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเอง และบางครั้งก็พูดสิ่งที่รุนแรงหรือไม่เหมาะสมโดยไม่คิดถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้อื่น
ในแง่มุมของจิตวิทยา การแสดงความคิดเห็นในโซเชียลมีเดียสามารถกระตุ้นให้คนมีความรู้สึก ‘ร่วมกลุ่ม’ (ingroup bias) ซึ่งหมายความว่าคนเรามักจะยึดติดกับความคิดเห็นของตัวเองและมองข้ามความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน การศึกษาโดย "Psychological Science" ชี้ให้เห็นว่า คนจะเลือกเห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ตรงกับความเชื่อของตัวเอง และจะไม่เปิดรับความคิดเห็นจากผู้อื่นที่ขัดแย้ง ทำให้การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในโซเชียลมีเดียไม่เกิดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์หรือสร้างสรรค์ นอกจากนี้ ความเชื่อในกลุ่มเดียวกันยังทำให้เกิดการบิดเบือนข้อมูล หรือแม้แต่การโจมตีบุคคลอื่นเพียงเพราะความเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งอาจทำให้คนที่ไม่เห็นด้วยถูกกดดันหรือถูกกล่าวหาจากคนในกลุ่ม
ผลจากการที่เราถูกโอบล้อมด้วยความคิดเห็นที่สนับสนุนความเชื่อของตัวเองนี้ ทำให้ความคิดของเราถูกยืนยันและเสริมกำลังจากกลุ่มที่คิดเหมือนกัน จนทำให้เราเริ่มคิดว่า “ความคิดของเรา” คือ “ความคิดที่ถูกต้องที่สุด” และไม่รับฟังมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิม ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งในสังคมออนไลน์ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการพูดคุยอย่างมีเหตุผล การแสดงความคิดเห็นในลักษณะนี้ยังทำให้เกิดการใช้คำพูดที่รุนแรง และบางครั้งอาจจะกลายเป็นการโจมตีส่วนตัวแทนที่จะเป็นการวิจารณ์ที่สร้างสรรค์
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ทำให้การคอมเมนต์ในโซเชียลมีเดียมักจะรุนแรงมากขึ้น นั่นคือการที่แพลตฟอร์มต่างๆ ใช้อัลกอริธึมในการคัดเลือกเนื้อหาที่แสดงให้ผู้ใช้เห็น ตามพฤติกรรมการใช้งานหรือความสนใจของแต่ละบุคคล เมื่อเราคลิกหรือดูโพสต์ที่มีความคิดเห็นในแนวทางเดียวกับเรา ระบบจะแสดงเนื้อหาที่มีความคิดเห็นคล้ายกันออกมาเรื่อยๆ ซึ่งทำให้เราเห็นแค่ข้อมูลที่ตรงกับความเชื่อของตัวเอง โดยไม่เห็นความคิดเห็นหรือมุมมองที่แตกต่าง และเมื่อเราเห็นว่าความคิดเห็นของตัวเองได้รับการสนับสนุนจากคนจำนวนมาก เราก็ยิ่งมั่นใจในสิ่งที่เราเชื่อจนไม่เปิดรับความคิดเห็นที่ขัดแย้ง ความรู้สึกนี้ทำให้การถกเถียงกันบนโซเชียลมีเดียกลายเป็นการผลักดันให้ทุกคนต้องเลือกข้างแทนที่จะรับฟังความคิดเห็นของกันและกัน
การทำให้โซเชียลมีเดียเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นสิ่งที่เราควรต้องเริ่มต้นจากตัวเอง การหยุดคิดก่อนที่จะพิมพ์ การตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และการพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการคอมเมนต์ของเราจะช่วยให้การสื่อสารในโซเชียลมีเดียดีขึ้น การเรียนรู้ที่จะฟังมากกว่าพูด และการตั้งคำถามกับข้อมูลที่ได้รับมาจะทำให้เรามองโลกในมุมที่กว้างขึ้น และช่วยสร้างการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์แทนที่จะเป็นการโจมตีหรือการปะทะกันทางอารมณ์
โซเชียลมีเดียไม่ใช่ศัตรูของจริยธรรม แต่หากเราใช้อย่างรอบคอบและมีจริยธรรม เราก็สามารถเปลี่ยนแปลงพื้นที่นี้ให้เป็นที่ที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาความคิดร่วมกันได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็นในรูปแบบที่มีเหตุผลหรือการสร้างการสนทนาที่ทำให้ทุกคนรู้สึกได้รับความเคารพ ความเห็นต่างสามารถมีประโยชน์ หากเรารู้จักที่จะเปิดใจและแลกเปลี่ยนความคิดอย่างสร้างสรรค์