บริหารเงินก้อนสุดท้าย ก่อนเงินเดือนออก

ผมเข้าใจดี เพราะผมก็เป็นคนนึงที่กำลังนั่งมองบัญชีแล้วเห็นตัวเลขค้างอยู่ 3,000 บาท พร้อมความจริงที่ว่า—วันนี้วันที่ 26 เงินจะออกวันที่ 30 อีก 5 วันฟังดูไม่นาน แต่กับเงินแค่นี้...มันเครียดได้เหมือนกัน

เราไม่จน แต่เราต้องรอด

ผมไม่อยากใช้คำว่า “จน” เพราะมันทำให้รู้สึกผิด ทั้งที่ความจริงมันคือจังหวะชีวิตที่เราวางแผนไม่พลาดบ้างก็น้อยไปหน่อย หรือมีเรื่องด่วนต้องจ่ายไปก่อนหน้า แต่ในเมื่อเหลือเท่านี้ สิ่งที่ทำได้คือ “วางแผนให้รอด และไม่รู้สึกผิดกับตัวเอง”

3,000 หาร 5 วัน = วันละ 600…แต่ไม่ใช่จะใช้ได้เท่ากันทุกวัน

ผมเริ่มจากแบ่งไว้ก่อน:

📌ค่าข้าว วันละ 100 บาท (หาข้าวกล่องแบบประหยัด กินง่าย อิ่มจริง เช่น ข้าวไข่เจียว ข้าวผัด ข้าวราดแกงธรรมดา ไม่เกิน 40–45 บาท)

📌ค่าเดินทาง BTS + รถเมล์ ประมาณ 400–500 บาทตลอด 5 วัน

📌เหลืออีกประมาณ 1,800 บาท เอาไว้กันเหนียว ถ้ามีเหตุฉุกเฉิน หรือเก็บไว้เล็กๆ สำหรับสิ่งที่ทำให้ใจยังรู้สึกมีชีวิต เช่น ขนมแพ็คเล็กๆ เพลงดีๆ หรือกาแฟถูกๆ จากร้านใต้ตึก

📌ตัด “ความฟุ่มเฟือยจากความเครียด” ให้ได้

ผมรู้ว่ามันง่ายมากที่จะกดสั่งฟู้ดเดลิเวอรีแค่เพราะเบื่อ หรือกดช้อปอะไรบางอย่างแค่เพราะรู้สึกว่า “ชีวิตมันเหนื่อยเกินไป” แต่สิ่งเหล่านี้แหละ ที่กัดเงินเราทีละนิดอย่างเนียนๆ ช่วงนี้ผมเลยฝึกทำกับข้าวง่ายๆ เองบ้าง กินอะไรง่าย ๆ แบบมาม่าบ้างแต่ใส่ผักเพิ่ม ไข่ดาวเพิ่ม—คืออยู่แบบไม่หรู แต่ยังไม่ปล่อยให้ตัวเองดูแย่

ผมไม่ได้ชวนใครไปไหน หรือโทรหาคนเพื่อบ่น เพราะผมรู้ว่าเรื่องเงินบางทีมันเล่าไม่ได้ แต่ผมกลับพบว่า เวลาที่อยู่คนเดียวแบบนี้…มันช่วยให้ใจผมนิ่งได้มากขึ้นผมหาเพลงเงียบๆ ฟังตอนเดินกลับห้อง เปิด YouTube ฟังพอดแคสต์จิตวิทยาแทนการเลื่อนดูกินหรูอยู่แพง และจดลงสมุดว่าพรุ่งนี้จะใช้เงินกี่บาท เอาอะไรออกไปได้บ้าง

5 วันสุดท้ายไม่ได้สอนให้เราอดทนเฉยๆ แต่มันสอนให้เราเข้าใจตัวเอง

บางทีเราต้องเหลือเงินแค่นี้แหละ ถึงจะได้รู้ว่าอะไรสำคัญจริงๆ ในชีวิต อะไรแค่ของปลอม อะไรที่แค่ “เราคิดไปเองว่าอยากได้” และเราก็ไม่ได้แพ้—เราแค่กำลังซ้อมรับมือชีวิตที่ไม่แน่นอน เงิน 3,000 อาจดูน้อยในสายตาคนอื่น แต่สำหรับเราในตอนนี้ มันคือทุกบาทที่มีค่ามาก ถ้าเราผ่าน 5 วันนี้ไปได้…เราจะไม่ใช่แค่คนที่รอด แต่คือคนที่แกร่งขึ้นแบบที่เงินก็ซื้อไม่ได้

เดือนหน้าจะไม่เหมือนเดิม (ใช่ไหม?)

ไม่ใช่เพราะเราจะได้เงินเยอะขึ้น แต่เพราะเราจะไม่ใช้แบบเดิมอีก ผมตั้งใจไว้เลยว่า เดือนหน้า…ผมจะกันเงินไว้ตั้งแต่ต้น ถ้าไหว จะลองแยกไว้เลย 5,000 ตั้งแต่วันเงินเดือนเข้า ไม่ต้องแตะ ไม่ต้องเปิดดู จนวันที่ 25 ขึ้นไป เพราะความมั่นคงบางทีมันไม่ได้มาจากรายได้สูง แต่มาจากการที่เรารู้ว่า…ปลายเดือนเราจะไม่ต้องกลัว ไม่ต้องฝืนกินน้อย ไม่ต้องเดินกลับบ้านและไม่ต้องรู้สึกผิดกับตัวเองแค่เพราะเงินหมดก่อนวันเงินเดือนเข้า

การกันเงินไว้ ไม่ได้แปลว่าใช้ชีวิตไม่มีความสุข แต่มันคือการยอมเหนื่อยน้อยลงในวันที่เราควรได้พัก

บางที “วินัย” ก็ไม่ได้แปลว่าต้องเก่ง แต่แค่ต้องเริ่มจากการ ไม่หลอกตัวเอง ว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ถ้าเรายังใช้เงินแบบเดิม ผมวางแผนว่าจะคุยกับเงินเดือนมันดีๆ ตั้งแต่วันแรกที่เงินเดือนเข้า

ก็เหนื่อยมาทั้งเดือนอ่ะนะ…ไม่ควรต้องมานั่งเครียดกับตัวเลขในบัญชีตอนท้ายเดือนอีกแล้ว


Previous
Previous

ฝนตกหนัก…ห้ามเปิดไฟฉุกเฉิน

Next
Next

เสริมพลัง…ปลดล็อกตัวตนที่ลืมไปนานแล้ว