อวดฉลาดไปทำไม ถ้าเขาไม่ถาม
บางครั้ง ความฉลาดก็เหมือนไฟแฟลช—สว่างแค่แว้บเดียว แต่ทิ้งเงาให้คนข้าง ๆ แสบตา
เดี๋ยวนี้ใครก็พูดเก่งทั้งนั้น พูดเร็ว พูดเยอะ พูดก่อนที่จะคิดด้วยซ้ำ บางทีเจ้าของเรื่องยังไม่ทันเล่าอะไรเลย ก็มีคนเริ่มแจกแจง วิเคราะห์ เสนอทางออกกันเป็นชุด
ทั้งที่จริง ๆ แล้ว... ไม่มีใครขอให้พูด
“จะอวดฉลาดไปทำไม ถ้าเขาไม่ได้ถาม”
ฟังดูแรงเนอะ แต่บางทีก็อยากถามแบบนี้จริง ๆ เพราะคนบางคนพอรู้เยอะ ก็อยากพูดเยอะ แล้วก็เผลอคิดว่าความรู้ตัวเองมีประโยชน์เสมอ ทั้งที่บางที แค่การนั่งฟังเฉย ๆ มันอาจจะช่วยได้มากกว่า
ไม่ใช่แค่คนที่โพสต์คอมเมนต์ยาว ๆ ใต้โพสต์ของเพื่อนด้วยฟีลเหมือนเขียนวิทยานิพนธ์ หรือคนที่ชอบพูดแทรกกลางวงแบบเท่ ๆ ว่า “จริง ๆ แล้วนะ…”
แต่คือพวกเราทุกคนแหละ ที่เคยคิดว่า การสอนหรือการแนะนำน่ะ เป็นสิ่งที่ควรทำตลอดเวลา
แม้ไม่มีใครอยากฟัง
บางคนรู้ไปหมดทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเดียว—รู้ว่าควรเงียบตอนไหน
ลองนึกถึงห้องประชุมที่มีคนคนหนึ่งยกมือเสมอ ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาแสดงความเห็น
หรือมื้อเย็นที่อยู่ดี ๆ ญาติผู้หวังดีพูดเรื่องน้ำตาลกับไขมันจนทำให้ใครบางคนต้องวางช้อนลงแบบเสียอรรถรสสุด ๆ
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อย และไม่ได้แปลว่าเราผิดที่รู้เยอะ แค่บางที...เราควรเลือกให้ดีกว่านี้ว่าจะพูดเมื่อไร
เพราะความหวังดีที่ยัดเยียดไป มันก็กลายเป็นการดูถูกได้เหมือนกัน
ทุกคนเคยอยากพูด อยากมีโมเมนต์ของตัวเอง อยากให้คนฟังแล้วจำได้ว่า “เออ คนนี้เก่งแฮะ”
แต่มันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้นทุกครั้งหรอก หลายครั้งการพยายามจะฉลาดให้คนเห็น กลับทำให้เราดูขาดความเข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
การไม่พูด ไม่ได้แปลว่าไม่รู้ มันแค่แปลว่าเราแยกแยะออก ว่าอะไรควรพูด อะไรควรเก็บไว้ฟังคนอื่นก่อนและเชื่อเถอะว่า คนที่นิ่งในเวลาที่คนอื่นแย่งกันพูด มักจะน่าฟังที่สุดเวลาที่เขาเลือกจะพูดขึ้นมาจริง ๆ