แท็กซี่ประท้วงรัฐ กดดัน Grab เหตุผล “ปากท้อง”
เมื่อความล้าหลังพยายามยืนกรานต่อหน้าอนาคต
ข่าวการรวมตัวของสมาคมแท็กซี่เพื่อประท้วงรัฐบาล กดดันให้เพิกถอนกฎกระทรวงที่เปิดทางให้ Grab และรถป้ายดำเข้ารับผู้โดยสารในสนามบินสุวรรณภูมิ สร้างแรงกระเพื่อมอย่างมากในสังคม บนหน้าข่าว พวกเขายืนอยู่ในฐานะ "เหยื่อ" ที่ถูกแย่งงาน ถูกระบบใหม่บีบพื้นที่ จนรายได้ลดลงแต่ในสายตาของประชาชนจำนวนมาก พวกเขากลับดูเหมือนกลุ่มคนที่ปฏิเสธจะพัฒนา แล้วเลือกออกมาโวยวายทุกครั้งที่ตัวเองตกขอบเกม
คนกรุงเทพฯ รู้ดีว่าเหตุผลที่เลือก Grab ไม่ใช่เพราะรักรถป้ายดำ แต่เพราะเบื่อความไม่แน่นอนของระบบแท็กซี่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการปฏิเสธผู้โดยสาร ปฏิเสธเส้นทาง ขับอ้อม รถไม่สะอาด หรือการบริการที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของคนขับมากกว่ามาตรฐานใด ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่หนักหนากว่านั้น คือภาพแท็กซี่จำนวนมากจอดแช่คาป้ายรถเมล์ กลายเป็นหนึ่งในต้นเหตุของการจราจรติดขัดในเมืองหลวง รถเมล์ต้องเบี่ยงออกไปกลางถนน จอดล้ำไปเกือบเลนสอง ผู้โดยสารต้องเดินฝ่ารถติดขึ้นรถในขณะที่รถยังเคลื่อนอยู่ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้สายตาของสมาคมแท็กซี่ ที่ไม่เคยแสดงจุดยืนหรือรับผิดชอบใด ๆ อย่างเป็นรูปธรรม
แท็กซี่ไม่ได้แพ้เพราะระบบใหม่ดีกว่า แต่เพราะระบบเดิมไม่เคยพยายามจะเปลี่ยน
หลายปีผ่านไป ไม่มีระบบร้องเรียนที่ทำงานได้จริง ไม่มีแพลตฟอร์มของสมาคมเองที่ให้ผู้โดยสารประเมินคุณภาพ ไม่มีแอปที่ใช้ง่ายหรือมีทีมพัฒนาต่อเนื่อง ไม่มีการอบรมบุคลากรเชิงคุณภาพ และไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการจัดการปัญหาพฤติกรรมของคนขับ เช่น การจอดแช่หรือการเอาเปรียบผู้โดยสาร
สิ่งที่มีคือการรวมตัวทุกครั้งที่ตัวเองรู้สึก “เสียประโยชน์” แต่ไม่เคยรวมพลังเพื่อพัฒนาอะไรให้ดีขึ้น
Grab อาจมีปัญหาในมุมของคนขับ เช่น ค่าคอมมิชชันสูง หรือการควบคุมที่เข้มงวดจากบริษัทแม่
ในมุมของผู้โดยสาร มันคือความสบายใจ ความปลอดภัย ความโปร่งใส และระบบที่ออกแบบมาให้ “ตรวจสอบได้” ทุกครั้งที่กดเรียกคือข้อมูล: ชื่อคนขับ เส้นทาง ราคา และรีวิวจากผู้ใช้ก่อนหน้า ทุกอย่างอยู่บนจอ ไม่มีดวง ไม่มีอารมณ์ ไม่มีคำว่า “ไปไหมครับ” หรือ “จะไปแถวนี้อยู่พอดี” เป็นคำตอบก่อนขึ้นรถ
อย่าคิดว่า “เพราะเป็นเรื่องปากท้อง” จะสามารถใช้เป็นข้ออ้างเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบต่อสาธารณะได้
การขับแท็กซี่ คืองานบริการในพื้นที่ส่วนรวม ไม่ใช่อาชีพส่วนตัวที่ทำอะไรก็ได้ตามใจ คนขับแท็กซี่ใช้ถนนหลวง รับผู้โดยสารที่เป็นประชาชนทั่วไป และมีผลต่อระบบขนส่งโดยรวม ถ้าจะอ้างเรื่องปากท้อง ต้องถามกลับว่า แล้วคนอื่นที่ต้องทนรถติดเพราะคุณจอดแช่ในป้าย เขาไม่มีปากท้องหรือ? หรือคนที่ต้องเดินตากฝนเพราะคุณปฏิเสธเขา เขาไม่มีสิทธิจะเลือกระบบที่ดีกว่าหรืออย่างไร?
ทุกคนทำงานเพื่อปากท้องเหมือนกันหมด ทั้งคนขับวินมอเตอร์ไซค์ คนขับรถเมล์ พนักงานออฟฟิศ คนส่งของ — แต่ไม่มีใครเอา “ปากท้อง” มาอ้างเพื่อสิทธิพิเศษในการละเมิดสิทธิคนอื่นได้ ถ้าทำงานในพื้นที่สาธารณะก็ต้องเคารพกฎเดียวกับคนทั้งเมือง
หากสมาคมแท็กซี่อยากให้ประชาชนกลับมาเลือกพวกเขาอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ต้องการสนามบินคืน แต่ต้องการศรัทธาคืนต่างหาก และศรัทธานั้นไม่ได้ได้มาจากการประท้วง แต่มาจากการลงมือทำสิ่งที่ควรทำมานานแล้ว คือพัฒนาระบบของตัวเองให้ “ไว้ใจได้” อย่างแท้จริง ไม่ใช่หวังเพียงแค่ให้คนไทยเลือกความสงสาร หรือความเคยชิน มาแทนคุณภาพที่หายไปจากระบบนี้นานแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่ป้ายเหลืองหรือ Grab ผู้โดยสารไม่ได้มองว่าใคร “เป็นพระเอก” หรือ “ผู้ร้าย” สิ่งที่พวกเขาต้องการ คือระบบขนส่งที่เชื่อถือได้ ปลอดภัย และไม่เอาเปรียบใครจะได้ไปต่อในสนามแข่งนี้ จึงอาจไม่ใช่คนที่เสียงดังที่สุด แต่เป็นคนที่ยอมปรับตัว และเข้าใจว่าทุกคนบนถนนนี้มีสิทธิเท่ากัน