น้ำตาและเสียงสะท้อนจากเด็กที่ไม่มีแม่ในวันแม่

อ่านฟีดข่าวหนึ่งในวันที่ดอกมะลิขาวบริสุทธิ์ถูกส่งต่อจากมือเด็กๆ ไปยังมือแม่ เสียงหัวเราะและรอยยิ้มเต็มเปี่ยมในทุกมุมห้องเรียน แต่สำหรับบางคน วันแม่กลับเป็นวันที่น้ำตาหยดลงบนดอกมะลิแทน "ข่าวของเด็กหญิงที่แอบหลังเสาร์แล้วร้องไห้" ก็รู้สึกสะเทืยนใจกับข่าวนี้จึงเขียนเรื่องนี้ขึ้น

เมื่อถึงวันที่โรงเรียนจัดกิจกรรมไหว้แม่ พิธีที่ควรเป็นความอบอุ่นกลับกลายเป็นความเหงาและเจ็บปวดสำหรับเด็กที่ไม่มีแม่ หรือไม่ได้รับความรักจากแม่แบบที่ควรจะได้รับ เด็กเหล่านี้ต้องเผชิญกับความรู้สึกว่าตนเอง “ขาด” ในขณะที่เพื่อนๆ หลายคนมีโอกาสได้แสดงความรักต่อแม่ของพวกเขา

การไหว้แม่ในโรงเรียนเป็นประเพณีที่ดี แต่อาจลืมนึกถึงความรู้สึกของเด็กที่ไม่มีแม่ไปอย่างไม่ตั้งใจ เด็กบางคนอาจมีเพียงพ่อเท่านั้น แต่ในวันพิเศษนี้พวกเขากลับต้องซ่อนน้ำตาและความรู้สึกที่แท้จริงไว้ข้างใน

หลายครั้งที่ความรู้สึกนี้ไม่ได้ถูกพูดถึง เพราะบางคนอาจคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ควรเก็บไว้ในใจ แต่ความเจ็บปวดที่ไม่มีโอกาสแสดงออกมาเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจของเด็กเหล่านั้นอย่างลึกซึ้ง ในวันที่ดอกมะลิที่ควรจะเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความอบอุ่นกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่

การเปลี่ยนแปลงไม่ได้หมายถึงการยกเลิกประเพณี แต่การเพิ่มความเข้าใจและความอ่อนไหวในสถานการณ์เหล่านี้ เพื่อให้ทุกคนรู้สึกถึงความรัก ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่มีแม่หรือไม่มีแม่ก็ตาม การรับรู้ถึงความหลากหลายของครอบครัวในยุคนี้เป็นเรื่องสำคัญ การไหว้แม่อาจเป็นการไหว้ผู้ที่เป็นที่รัก ไม่จำเป็นต้องเป็นแม่แท้ๆ เท่านั้น แต่สามารถเป็นใครก็ได้ที่ดูแลและรักเราเหมือนแม่

ในอนาคต การจัดกิจกรรมวันแม่ที่โรงเรียนอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ครอบคลุมและสร้างความสบายใจให้กับทุกคน โดยการให้ความสำคัญกับความรู้สึกของเด็กที่อาจรู้สึกโดดเดี่ยวในวันที่ควรจะเป็นวันแห่งความรักและความอบอุ่น

เสียงสะท้อนจากเด็กที่ไม่มีแม่ในวันแม่ ไม่ใช่แค่เสียงร้องไห้ในความเงียบ แต่เป็นเสียงที่ต้องการการเข้าใจและการดูแลจากสังคมอย่างแท้จริง


Previous
Previous

จัดการความลังเลอย่างไรเมื่อต้องตัดสินใจ…เลือก!

Next
Next

The Influencer เกมทำลายอีโก้ดิจิทัล ครีเอเตอร์