ความโกลาหลของชีวิตในเมืองเริ่มต้นตั้งแต่ลืมตาตื่น ทั้งแชต ฟีดข่าวทำให้เราแทบไม่มีเวลาได้อยู่กับตนเองสักเท่าไร ซึ่งวงจรชีวิตมันก็เป็นเช่นนี้ตลอดวันจวบจนนอนหลับในยามค่ำคืน จนในวันหนึ่งเราอาจไม่รู้เลยว่า จิตวิญญาณภายในตนเองยังอยู่ดีหรือไม่ แล้วตัวตนที่แท้จริงเรากำลังวิวัฒน์หรือดำดิ่งไปทิศทางใด

เมื่อวัยเด็กเราต่างมีความฝันถึงอนาคตมากมาย เราต่างถูกกลมเกลี้ยงเลี้ยงดู และปลูกฝังสันดานบางอย่างมาจากบ้าน และสภาพแวดล้อมที่เราอยู่ บ้างก็ดี บ้างก็เลว ซึ่งหากปัจจัยภายนอกทั้งเศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนแปลงไปเร็วเท่าไร ตัวเราต่างก็ต้องปรับเปลี่ยนตัวให้เร็วเท่ากัน ซึ่งทุกวันเราเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จนบางทีก็ไหลตามกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลงนั้น เคยรู้สึกไหมว่ามันเหนื่อยแต่ไม่รู้ว่าเหนื่อยเพราะอะไร

การฝึกมองจิตวิญญาณของตนเองจะทำให้ตัวเราพบเป้าหมายของการดำรงอยู่ อีกทั้งทำให้เข้าใจวิถีแห่งชีวิตตนเองมากขึ้น ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในช่วงที่ฝึกเพื่อดึงจิตวิญญาณที่หายไปกลับคืนมาเพราะด้วยการเป็นนักข่าวนักเขียนทำให้ต้องติดตามข่าวสารต่างๆ ตลอดเวลา การทำงานทำให้แทบไม่มีเวลาที่จะอยู่กับตัวเองสักเท่าไร โดยวิธีการที่ผู้เขียนใช้นั่นอาจไม่ได้เหมือนตำรับตำราจากที่ไหน โดยผู้เขียนใช้วิธีการจัดสมดุลชีวิตใหม่ ดังนี้

1.      เคลียรใจก่อนเข้านอนด้วยการหยุดคิด ผู้เขียนนอนหลับตานิ่งๆ โดยไม่คิดอะไร ไม่นับลมหายใจ แค่ปล่อยใจนิ่งๆ ปล่อยสมองโล่ง ซึ่งหากเป็นคนอื่นจะเรียกว่า การปฏิบัติสมาธิ แต่ผู้เขียนไม่ได้เคร่งถึงขนาดกำหนดลมหายใจ เพียงแค่ หยุด การคิดทุกอย่างแค่นั้น

2.      ลุกจากที่นอนทันทีเมื่อตื่นนอน เมื่อนาฬิกาชีวิตปลุกก็ลุกขึ้นบิดเนื้อตัว แล้วลุกขึ้นดื่มน้ำอุ่นจากนั้นก็เข้าทำกิจส่วนตัวในห้องน้ำโดยไม่หยิบมือถือเข้าไปด้วยเหมือนเคย ซึ่งผลที่ได้ทำให้การขับถ่ายในช่วงหลังตื่นนอนดีขึ้น เมื่ออาบน้ำก็รู้สึกสดชื่นมากขึ้น

3.      ทบทวน และวางแผนการทำงานก่อนออกเดินทาง โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที ซึ่งช่วงนี้ถึงเปิดโทรศัพท์เพื่อดูโน้นนี่แล้วจึงออกเดินทาง

4.      เลิกให้ความสนใจโทรศัพท์ เช่น ระหว่างขับรถ แม้ไลน์จะดังก็จะไม่เปิดเช็คทันที เพราะสำหรับผู้เขียนนั้นการส่งข้อความทางไลน์ แสดงว่ายังไม่ใช่เรื่องด่วนและสำคัญ เราต้องสามารถที่จะเลือกเวลาเปิดอ่านเมื่อไรก็ได้ ในปัจจุบันนั้นการโทรศัพท์หากันนั้นน้อยมาก ดังนั้นหากมีการโทรหาแสดงว่าเรื่องสำคัญ

5.      ปรับสมดุลของตารางชีวิต โดยจัดสรรเวลาในแต่ละวัน สำหรับ การทำงาน การพักผ่อน การคลายเครียด  การดื่มด่ำกับธรรมชาติ การพิจารณาจิตใจตนเอง และการหยุดนิ่ง ให้ลงตัว

6.      ไม่คบหาพวก Toxic Peoples คนประเภทที่ในหัวมีแต่เรื่องลบ คิดลบ พวกที่เรื่องตัวเองจัดการไม่ได้แต่อยากจัดการเรื่องคนอื่น พวกพูดจาเสี้ยมให้เขาตีกัน พูดจาตลบตะแลง ตีสองหน้า หน้าไหว้หลังหลอก พวกเอารัดเอาเปรียบคนอื่น พวกไม่เคารพเวลาของคนอื่น พวกเก่งแต่ปากชอบสอพลอ และพวกที่คิดว่าตนเหนือกว่าคนอื่น คนเหล่านี้ผู้เขียนบอกเลยว่า “ขยะแขยง” แต่มันก็หลีกเลี่ยงยาก เพราะคนพวกนี้มันมักจะเข้ามาข้องเกี่ยวข้องในชีวิตการทำงานเสมออย่างเลี่ยงไม่ได้ ถ้าหากไม่ต้องข้องเกี่ยวกันแล้วก็ไม่จำเป็นต้อง Keep Connection ไว้

7.      ยิ้มอย่างมีความหวังในวันที่โหดร้าย ในวันที่เรารู้สึกแย่มาก เป็นเวลาที่ผู้เขียนมักจะยิ้มอย่างมีหวัง ถ้าสามารถไปยืนมองฟ้าไกลๆ ปล่อยให้ร่างกายสัมผัสสายลม จิตวิญญาณซึมซับธรรมชาติรอบตัว โดยไม่คิดอะไรปล่อยให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟูหัวใจตัวเอง ผู้เขียนจะรู้สึกเหมือนหัวใจได้รับการเยียวยาอีกครั้ง

ผู้เขียนเริ่มฝึกตนด้วย 7 วิธีนี้ เป็นการปรับสมดุลของร่างกายและจิตใจได้ดี เพราะนอกจากหัวใจจะได้รับการฟื้นฟูแล้ว ยังส่งผลให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงมากขึ้น นอนหลับได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญทำให้เราเข้าใจชีวิต มองโลกตามความเป็นจริง ทักษะในการวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น สำหรับคนที่จิตตก คิดวกวน ใจเหนื่อยล้า ลองหยุด และปรับสมดุลกชีวิตแล้วคุณจะได้พบจิตวิญญาณที่หล่นหายไปอีกครั้ง

B. Bhayakpun
EDITOR-IN-CHIEF
01/05/22

Cover News ฉบับนี้ทางทีม PUFF. เลือกข่าวที่ส่งมาจาก แบรนด์ VERSACE ที่เปิดตัวคอลเล็กชั่นใหม่ที่สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับวงการแฟชั่น เมื่อแบรนด์ VERSACE ที่นำโดย Donatella Versace, Chief Creative Officer Versace ได้ร่วมกันทำงานกับแบรนด์ FENDI โดยเป็นผลงานแบบ VERSACE by FENDI - FENDI by VERSACE เป็นแคปซูลคอลเล็กชั่น FENDACE (เฟน-ดา-ชี) โดยจะตัวอย่างเป็นทางการ 12 พฤษภาคมนี้ กับซึ่งนับเป็นข่าวร้อนที่ทาง PUFF. เลือกเป็น ข่าวไฮไลท์ ของเดือน
คอลเล็กชั่น FENDACE จะทำให้แวดวงแฟชั่น และวงการการตลาดหันกลับไปมองแบรนด์และแนวคิดของแบรนด์อีกครั้ง จากที่เป็นแบรนด์ Unique อาจไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ชอบการ Mix & Match อีกต่อไป

ข่าวเด่นเดือนพฤษภาคม 2565