SELF ISSUE : คุณค่าในตนเอง ไม่ต้องให้ใครประเมิน
มาวันหนึ่งเมื่อชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องความรัก หรือเรื่องใดๆ ก็ตาม คนเราต่างเสียการทรงตัวและตกอยู่ในความทุกข์ ความเศร้าหมอง และเกิดภาวะความมั่นใจในตนเองลดลง หากปล่อยให้ตนเองจมในความรู้สึกนั้นยิ่งนานวันตัวเราจะยิ่งจมอยู่กับทุกข์นั้น แล้วความมั่นใจ ศรัทธาในตนเองก็จะค่อยๆ สูญหายไปจนเกิดเป็นปมในใจที่ยากคลายออกได้ ผู้เขียนเคยตกอยู่ในห้วงทุกข์จนสูญเสียความมั่นใจจนรู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่าเหมือนกัน
ผู้เขียนขอเล่าย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เริ่มต้นทำงานใหม่ๆ ขณะนั้นผู้เขียนเป็นผู้ที่หลงใหลในความสมบูรณ์แบบ และมีความทะเยอทะยานมากเพราะผู้เขียนมีความความคาดหวังในชีวิตตนเองที่ค่อนข้างสูงมาก ซึ่งนั่นส่งผลให้ตนเองกลายเป็นคนร้ายๆ แรงๆ เกรียวกราด พูดจาทิ่มแทงโดยไม่สนใจใคร และเห็นแก่ตัว ซึ่งการเป็นคนเช่นนี้เพราะขณะนั้นผู้เขียนมัวแต่คิดว่าหากเราไม่สมบูรณ์แบบคนอื่นก็จะประเมินคุณค่าตัวเราต่ำลง ทุกวันที่ทำงานต้องออกมาดีที่สุด สมบูรณ์ที่สุด ยิ่งงานออกมาดี และเนี๊ยบแค่ไหน คนชื่นชมยิ่งมาก ค่าตัวในการทำงานยิ่งสูง ความมั่นใจในคุณค่าตัวเองก็ยิ่งสูงเกินกว่าจุดเดือดเสียอีก
การใช้ชีวิตในลักษณะดังกล่าวมานานจนมันฝังรากลงในความเป็นตัวตนทำให้เหลิงและคิดว่าสิ่งนั้นจะอยู่กับตลอดไป แต่ทว่าความทะเยอทะยานที่กำลังกระพือปีกบินอยู่ในความลุ่มหลง และความเขลา กลับถูกชะตาชีวิตยิงร่วงลงสู่พื้น จำได้ว่าตอนนั้นหลายเรื่องถาโถมมาจนตั้งรับไม่ทัน สิ่งที่ทำคือ ร้องไห้ ร้องไห้ และร้องไห้ อารมณ์ขณะนั้นมันปนเปไปหมด ทั้งเศร้าหมอง อับอายเพราะมัวแต่คิดแต่ว่าคนจะมองเรายังไง นับวันความรู้สึกแย่ๆ และทัศนคติทางลบก็บั่นทอนทำลายคุณค่าในตนเอง มันพาผู้เขียนดำดิ่งลงเรื่อยๆ จนท้ายสุดผู้เขียนก็ไม่เหลือความมั่นใจในตัวเองอีกเลย
แต่ในความเจ็บปวดวันนั้น ก็โชคดีที่พบผู้ที่ให้แสงสว่างนำทาง และคอยเตือนสติ โดยเขาเคยบอกว่า “การใช้ชีวิตที่ผ่านมา ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่รอดมาได้ เพราะดูไม่เข้าใจอะไรในชีวิตเสียเลย” คำพูดนี้และอีกมากมายที่บอกสอนอย่างตรงไปตรงมา มันเสียดแทง เจ็บแต่ทำให้ผู้เขียนได้สติ แล้วยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ยอมรับสถานการณ์ โดยการยอมรับสิ่งต่างๆ นี้เกิดขึ้นด้วยความยินยอมทั้งสิ้น ผู้เขียนเลิกกล่าวโทษใคร ทั้งยังเลิกตอกย้ำความเบาปัญญาของตน จนในที่สุดวันนี้ก็มองตัวเองอย่างเข้าใจมากขึ้น รู้จักเคารพผู้อื่น และเรียนรู้ที่จะเคารพตนเอง
อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะรู้สึกว่าก็ไม่เห็นมีอะไรยากก็แค่ ‘คิดบวก’ อย่าเพิ่งนำประสบการณ์ของผู้อ่านมาตัดสินผู้เขียนเลย เพราะสำหรับผู้เขียนที่อคติมันฝังรากลึกจนเป็นไม้แก่ที่ดัดไม่ได้แต่ต้องตัดโค่นเพียงอย่างเดียวนั้น กระบวนการแก้ปมต่างๆ โดยคิดบวกมันยากมาก ทั้ง มอง คิด ไตร่ตรอง ทำความเข้าใจทุกสิ่ง มันช่างยากเหลือเกิน ซึ่งผู้เขียนก็พยายามฝึกตนมาเกือบสิบปีแล้วแต่ก็ใช่ที่จะถอนรากถอนโคนอคติออกได้หมด แต่อย่างไรก็ตามความมั่นใจที่หายไปวันนั้น วันนี้มันก็กลับมาใหม่อีกครั้งในรูปแบบที่ดีขึ้น ไม่ทะเยอทะยาน ไม่เกรียวกราด ทั้งยังเข้าใจความไม่สมบูรณ์แบบมากขึ้น รู้วิธีปล่อยวาง แม้ในระหว่างห้วงเวลาเกือบสิบปีมานี้จะล้มเหลวบ้าง ก็ล้มได้อย่างมีสติ ล้มแบบไม่ด้อยคุณค่าตนเองหรือใคร แล้วที่เป็นเช่นนี้ได้ส่วนหนึ่งนั่นอาจเป็นเพราะผู้เขียนเลิกให้ค่าการประเมินคุณค่าโดยผู้อื่น แต่ต้องหมั่นประเมินคุณค่าด้วยตนเอง โดยทำให้ดีที่สุดและเต็มที่เสมอ
หากถามว่าทุกวันนี้ผู้เขียนยังต้องการเป็นคนที่สมบูรณ์แบบไหม ใจก็ยังอยากเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ยอมรับได้หากมันจะไม่สมบูรณ์แบบจริงๆ แล้วอีกสิ่งที่คิดเสมอคือ ‘คุณค่าในตนเอง ไม่ต้องให้ใครประเมิน’
B. Bhayakpun
EDITOR-IN-CHIEF
01/04/22
Cover News ฉบับนี้ทางทีม PUFF. เลือกข่าวจาก SPARKLE แบรนด์ยาสีฟันระดับพรีเมี่ยม ที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ SPARKLE NATURAL HEMP SEED EXTRACT (ยาสีฟันสปาร์คเคิล สูตรสารสกัดเมล็ดกัญชง) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของการผสาน 3 พลังธรรมชาติ “สารสกัดเมล็ดกัญชง” “คาเลนดูล่า” และ “ฟ้าทะลายโจร” เพื่อผนึกกำลังในการช่วยลดการอักเสบในช่องปาก ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และ ระงับกลิ่นปากได้อย่างยาวนาน โดยมีซูเปอร์สตาร์สาวแถวหน้าของเมืองไทย อย่าง ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ในฐานะ Friend of Sparkle โดยเธอได้ถ่ายทอดความสดใสออกมาจน PUFF. อดใจไม่ไหวที่จะเลือกข่าวนี้เป็น ไฮไลท์ ของเดือน
เมษายนนี้ รับรองเลยว่า คุณจะมีรอยยิ้มที่สดใสอย่างญาญ่า แต่ต้องจำให้ได้นะว่า “ยิ้มญาญ่า ยิ้มสปาร์คเคิล”