สร้างสุขวันนี้ ด้วยการหวนคืนวันวาน
รู้สึกไหมว่าการใช้ชีวิตในที่ทำงานมันช่างต่างจากการอยู่กับเพื่อนที่เราโตมาด้วยกัน ในออฟฟิศ เราต้องพยายามปรับตัว พยายามเข้าใจและสร้างความสัมพันธ์กับคนที่อาจมีมุมมองหรือทัศนคติที่ต่างจากเรา แถมบางครั้งก็ต้องรักษามารยาทและบทบาทในฐานะเพื่อนร่วมงานไว้ตลอดเวลา แต่พอคิดถึงเพื่อนเก่าที่เราเคยผ่านทั้งเรื่องสนุกและทุกข์ด้วยกันมา มันต่างกันแบบคนละโลก
เพื่อนที่เราโตมาด้วยกันเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของเรา และรู้จักเราจนไม่ต้องมีคำพูดอธิบายอะไรมาก แค่เราทักไปว่า “คิดถึงนะ” ก็มีเรื่องราวมากมายให้แชร์กันโดยไม่ต้องรอถาม พวกเขารู้ว่าเรารู้สึกยังไงเพียงแค่ได้ยินเสียงเรา และบางทีแค่การได้คุยกับเพื่อนเก่าที่รู้จักเราในแบบที่ไม่มีใครเข้าใจ ก็เหมือนได้กลับไปยืนในจุดที่เรารู้สึกปลอดภัยที่สุดอีกครั้ง
การที่เรารู้สึกสบายใจเมื่อได้พูดคุยกับเพื่อนเก่า มีพื้นฐานมาจากหลักจิตวิทยาที่เรียกว่า “การกลับไปสู่ความปลอดภัยในอดีต” (Safe Haven Theory) ซึ่งบอกว่าความสัมพันธ์ที่อบอุ่นในวัยเยาว์สามารถเป็นแหล่งพลังใจให้เราในอนาคตได้ ในช่วงเวลาที่เครียดหรือรู้สึกท้อ การได้กลับมาคุยกับเพื่อนเก่าเป็นเหมือนการได้กลับไปที่ที่เรารู้สึกปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเพื่อนเหล่านี้รู้จักเราอย่างลึกซึ้ง ทำให้เราไม่ต้องปกปิดหรือสร้างภาพใด ๆ
อีกหนึ่งหลักจิตวิทยาที่สำคัญคือ “การสร้างความสัมพันธ์เชิงลึก” (Deep Bond Theory) ความสัมพันธ์ที่เรามีกับเพื่อนเก่าเป็นความสัมพันธ์ที่ผ่านช่วงเวลายากลำบากและเรื่องราวร่วมกันมากมาย ทำให้เกิดความผูกพันที่ไม่อาจแทนที่ได้ ในที่ทำงาน เราอาจต้องสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นมืออาชีพ ต้องระมัดระวังคำพูดและการกระทำเพื่อรักษาสัมพันธภาพกับเพื่อนร่วมงาน แต่กับเพื่อนเก่า เราสามารถเปิดเผยความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ทฤษฎี “การปลดปล่อยอารมณ์” (Emotional Release Theory) กล่าวถึงการที่เราปลดปล่อยความเครียดหรือความทุกข์ออกมาได้มากขึ้นเมื่ออยู่กับคนที่เราไว้วางใจ ซึ่งมักจะเป็นเพื่อนเก่า เพราะพวกเขารับฟังและเข้าใจเราโดยไม่ตัดสิน ดังนั้น การพูดคุยกับเพื่อนเก่าจึงช่วยให้เรารู้สึกโล่งใจ คลายความเครียดและรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวตนที่แท้จริงของเราได้อีกครั้ง
ถ้าวันนี้คุณรู้สึกท้อแท้ ลองโทรกลับไปหาเพื่อนเก่าที่เข้าใจคุณและรู้จักคุณในแบบที่ไม่มีใครเข้าใจดูสิ "บางครั้งการเดินทางที่ดีที่สุด คือการเดินทางกลับไปสู่ความทรงจำที่อบอุ่น"
ตอนฉันเรียนมหาวิทยาลัยมีโอกาสเดินทางไปต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ และนึกถึงเพื่อนเก่าคนหนึ่งที่เคยไปเที่ยวบ้านเขา จำได้ว่าตอนนั้นฉันมีความสุขมาก แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาย้ายไปไหนแล้วเพราะหลังจากเรียนจบก็แยกย้ายกันไป
ก็แค่คิดในใจว่า "จะเป็นไปได้ไหมที่เราจะเจอกันอีก?"
แต่เมื่อวันหนึ่งฉันได้มีโอกาสไปที่จังหวัดนั้นอีกครั้ง ฉันตัดสินใจที่จะลองตามหาบ้านของเขา ท่ามกลางความสงสัยว่าจะเจอหรือเปล่า เมื่อไปถึงที่บ้านเก่าของเพื่อน ปรากฏว่าเขาย้ายออกไปแล้วจริงๆ ทว่าความคิดที่จะไม่ยอมแพ้ก็เริ่มต้นขึ้น ฉันเริ่มถามคนในละแวกนั้นถึงบ้านใหม่ที่เขาย้ายไป คนที่รู้จักเพื่อนของฉันอาสานำทางให้ฉันไปเจอเพื่อน จนในที่สุดฉันก็เจอเพื่อนเก่าคนนั้น เขาก็แปลกใจไม่น้อยที่ฉันตามหาเขาจนเจอ แต่ทุกอย่างมันช่างรู้สึกดีเหลือเกินเมื่อได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง ราวกับว่าเวลาที่ผ่านมานั้นไม่ได้ทำให้เราห่างกันเลย
การได้พบเพื่อนเก่าคนนั้นทำให้ฉันรู้ว่า บางครั้งการตามหาความสุขที่หายไปไม่จำเป็นต้องมองหาที่ไหนไกล สิ่งที่เราต้องการอาจแค่การเชื่อมโยงกับคนที่เข้าใจเราที่สุด และบางครั้งการตามหาความทรงจำเก่า ๆ ก็อาจจะนำเรากลับไปเจอกับความสุขที่ซ่อนอยู่ในตัวเองมาตลอด
ถ้าวันนี้คุณรู้สึกท้อแท้ ลองโทรกลับไปหาเพื่อนเก่าที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ แล้วคุณจะรู้ว่า ความทรงจำดี ๆ กับเพื่อนเก่า ไม่เคยหายไปไหนเลย "บางครั้งการเดินทางที่ดีที่สุด คือการเดินทางกลับไปสู่ความทรงจำที่อบอุ่น"
แหล่งอ้างอิง
Bowlby, J. (1988). A Secure Base: Parent-Child Attachment and Healthy Human Development. Basic Books.
Sternberg, R. J. (1986). A Triangular Theory of Love. Psychological Review, 93(2), 119–135.
Mikulincer, M., & Shaver, P. R. (2007). Attachment in Adulthood: Structure, Dynamics, and Change. Guilford Press.