เมื่อกระแสอาร์ตทอยซา…ธุรกิจรีเซลเตรียมปิดตลาด
ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่สดใส นักสะสมหลายคนเริ่มกลับมาทบทวนการใช้จ่ายของตัวเอง ไม่เพียงแค่ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างกระเป๋าแบรนด์เนมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสินค้ากลุ่มใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอย่าง “อาร์ตทอย” หรือของเล่นศิลปะ
อาร์ตทอย ซึ่งเริ่มต้นจากการเป็นของเล่นที่ศิลปินออกแบบด้วยสไตล์เฉพาะตัว กลายเป็นของสะสมที่มีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกระแสความนิยมเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกิดตลาดรีเซลที่ราคาเกินกว่าราคาต้นทุนหลายเท่าตัว อย่างไรก็ตาม ในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคงเช่นนี้ กระแสความต้องการซื้ออาร์ตทอยรีเซลเริ่มลดลง ผู้ซื้อหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า “ซื้อแล้วจะทำอะไรได้?”
การซื้ออาร์ตทอยในตลาดรีเซลอาจจะถูกมองว่าเป็นการลงทุนในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่เมื่อพิจารณาในมุมของการใช้งานจริง กลายเป็นว่าของสะสมเหล่านี้ไม่ได้ให้ประโยชน์ทางการเงินหรือความคุ้มค่าใดๆ นอกจากความพึงพอใจส่วนตัวหรือการโชว์ในโซเชียลมีเดีย หลายคนเริ่มคิดว่า ถ้าจะซื้อตอนนี้ การรอซื้อในช้อปอย่างเป็นทางการหรือซื้อจากศิลปินโดยตรงจะคุ้มค่ากว่า เพราะนอกจากจะได้ราคาที่เป็นธรรมแล้ว ยังได้สนับสนุนศิลปินโดยตรงด้วย
ในขณะเดียวกัน พ่อค้าแม่ค้าในตลาดรีเซลก็เผชิญกับปัญหาไม่ใช่น้อย การที่คนซื้อลดลงและการต้องแข่งขันกับตลาดที่ราคาถูกกว่าทำให้พวกเขาต้องยอมลดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่การลดราคาก็ทำให้กำไรที่ได้จากการขายหายไปอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า “อาร์ตทอยจะยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในอนาคตหรือไม่?”
ทั้งนี้ การตีกลับของกระแสรีเซลไม่เพียงแต่เป็นสัญญาณเตือนของการชะลอตัวในตลาดอาร์ตทอยเท่านั้น แต่ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของผู้บริโภคที่เริ่มตระหนักถึงการใช้จ่ายของตนเองมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังไม่แน่นอนเช่นนี้ ดังนั้น ไม่ใช่แค่พ่อค้าแม่ค้าในตลาดรีเซลที่ต้องปรับตัว แต่ศิลปินและผู้ผลิตอาร์ตทอยเองก็ควรจะคำนึงถึงแนวโน้มของตลาดและความต้องการของผู้บริโภคในยุคใหม่ด้วยเช่นกัน
คำถามที่ทุกคนต้องกลับมาทบทวนคือ ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ เราควรจะเลือกที่จะลงทุนในสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิตของเราจริงๆ หรือควรจะตามกระแสที่มีอยู่ในตลาดที่เราอาจไม่รู้ว่ามันจะไปในทิศทางไหน?