บอม – ฑิชากร ‘ออกจากกรอบความคาดหวัง...ฟังหัวใจตัวเอง’
เวลาได้ยินคำว่า ‘ลูกดารา’ คนมักคาดหวังกับพวกเขาต้องเติบโตมาขึ้นอย่างสวยงามสมบูรณ์แบบ หารู้ไม่ว่าคำนี้สร้างแรงกดดันให้กับเจ้าตัวอย่างมาก ทั้งยังยากที่จะก้าวออกจากกรอบแห่งความคาดหวัง เช่นเดียวกันกับ บอม - ฑิชากร เปล่งพานิช ลูกสาวคนเดียวของนักแสดงมืออาชีพแถวหน้าของเมืองไทย นก - สินจัย เปล่งพานิช และ นก - ฉัตรชัย เปล่งพานิช
ก่อนหน้านี้เธอก็เคยรู้สึกกดดันว่าจะต้องมีหน้าตาที่สะสวย และต้องทำตามเป้าหมายที่สังคมวางไว้เพียงเพราะเป็น “ลูกดารา” แต่ในที่สุดก็เจอทางออกให้กับตนเอง ได้ใช้ชีวิตอย่างใจ สนุกกับสิ่งที่อยากเป็น ผ่านเส้นทางอาชีพนักเขียน และนักเดินทางที่ผ่านมาแล้วกว่า 80 ประเทศทั่วโลก
อิสระตนเองที่ขาดหายไป
“กว่าจะยอมรับตัวตนและจริงใจกับความต้องการตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย บอมเองเป็นอีกคนหนึ่งที่ชีวิตและตัวตนของตนเองติดอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อึดอัด ถูกตีกรอบจากสังคมมาตั้งแต่เด็ก เราต้องพิสูจน์ตนเองให้ได้ตามคำนิยามของการเป็นลูกนักแสดงชื่อดังที่ต้องสวย ต้องดูดีเหมือนพ่อแม่ ‘มี Standard ของวงการที่อยู่บนหลังบนบ่าเรา รู้สึกกดดันเหมือนแบกความคาดหวังมาโดยตลอด’ ซึ่งค่านิยมจากสังคมก็ได้ส่งผลให้บอมลังเลกับเส้นทางชีวิต เคยได้ลองเรียนรู้ในสายงานการแสดง และคิดอยากเข้าวงการบันเทิงเพียงเพราะอยากให้คนภายนอกมองเห็นตนเองในบทบาทนั้น”
สุดท้ายต้องทิ้งสิ่งที่ไม่ใช่ หยุดฟังเสียงหัวใจตนเอง
“แม้ว่าการที่บอมวิ่งตามความสมบูรณ์แบบมาโดยตลอด ได้ทำให้ตนเองอยู่บนจุดที่ประสบความสำเร็จสูงสุดได้อย่างรวดเร็ว แต่ความสำเร็จที่เกิดขึ้นกลับไม่ช่วยให้บอมรู้สึกมีความสุขอย่างแท้จริง แต่กลับเกิดความรู้สึกหลงทางอยู่กับความคิดที่ติดค้างในใจว่า ‘แล้วเราจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อ’ พอนานวันเข้า ความเครียด ความกดดันที่สะสมก็ทำให้บอมตระหนักขึ้นมาได้ว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่ตนเองอยากเป็นเลย แต่เป็นค่านิยมที่หลอมรวมกับความคิดจนส่งผลให้ต้องทำตามความคาดหวังของสังคม ด้วยเหตุนี้เอง บอมจึงเริ่มออกจากเส้นทางเดิม เปิดรับโอกาสใหม่ๆ เพื่อค้นหา Passion ที่ใช่สำหรับตนเอง จนได้มาซึ่งคำตอบที่ว่า แท้จริงแล้ว ตัวเองชอบเดินทาง จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่บอมได้ออกนอกกรอบมาตรฐานสังคม นำตัวเองไปอยู่กับสิ่งที่รัก กล้าที่จะผจญภัยไปยังสภาพแวดล้อมใหม่ๆ แลกกับประสบการณ์อันคุ้มค่าหาจากที่ไหนไม่ได้อีก”
การเข้าใจตนเองทำให้เกิดความมั่นใจ
“นอกจากการทำตาม Passion ของตนเองแล้ว สิ่งที่บอมเรียนรู้ได้อีกอย่างหนึ่งจากการใช้ชีวิตคือ ‘การบริหารจิตใจ’ ซึ่งบอมเน้นย้ำว่าจะต้องจริงจัง และจริงใจกับความรู้สึกตนเองให้ได้มากที่สุด ถ้าวันนี้เราไม่มีความสุข ก็ปล่อยให้รู้สึกไปอย่างที่เป็น ไม่ฝืน แต่ถ้าอารมณ์นั้นเกิดขึ้นเป็นเวลานาน ก็จะไม่จมปลักอยู่กับความรู้สึกนั้นนานไป
บอมจัดการกับความเครียดโดยเริ่มลุกขึ้นมาทำอย่างอื่นที่ดีต่อตัวเองแทน ไม่ว่าจะเป็นการไปออกกำลังกาย รับประทานอาหารดีๆ หรือพูดคุยกับเพื่อนรอบตัว ทำให้ตัวเองรู้สึกดี เมื่อเราได้ซื่อสัตย์และเคารพกับความรู้สึกตัวเองแล้ว เราก็จะเห็นคุณค่าในตนเองมากขึ้น รับรู้จุดที่กังวลและค่อยๆ ใช้เวลาในการแก้ไขไปทีละส่วน จนทำให้ความมั่นใจปรากฏมาเองโดยธรรมชาติ รวมไปถึงความรู้สึกเชิงบวกต่อร่างกายด้วย”
บอมได้ส่งท้ายการสัมภาษณ์ไว้ด้วยประโยคทรงพลังว่า “The only person you need to impress is yourself.” ซึ่งได้แสดงถึงปัญหาที่คนเรามักพบเจอโดยตลอดว่าเรามักจะเสียเวลาไปกับการสนใจและทำตามความคิดของผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นรู้สึกประทับใจในตัวเรา ทั้งๆ ที่ คนๆ เดียวที่เราควรใส่ใจคือ ‘ตัวเรา’
ในสังคมปัจจุบัน โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อผู้คนส่วนใหญ่ให้ต้องแสวงหาความสมบูรณ์แบบในชีวิต ตั้งแต่ในวัยเรียนก็จะต้องให้โดดเด่นทั้งการเรียน, กีฬา, กิจกรรม พอเข้าสู่วัยทำงานก็ต้องมีอาชีพที่ได้รับการยอมรับ และผลตอบแทนสูง นอกจากนี้ยังรวมไปถึงรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณต้องสวยหล่อและดูดีตามมาตรฐาน แน่นอนหลายคนอาจมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการพัฒนาตนเองเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าและทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จ แต่การอยู่กับการเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นเพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานวัดความเป็นตัวเราจะทำให้เกิดความเครียดและกดดัน ซึ่งท้ายที่สุดอาจกลายเป็นการลดทอนคุณค่าและสูญเสียการเคารพตัวเองไปอย่างไม่รู้ตัว
ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ศ.นพ. วาสนภ วชิรมน หรือ คุณหมอดุ๊ก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้แนะนำ 4 วิธีบริหารใจให้เป็นสุข และใช้ชีวิตอย่างมั่นใจ
1 ไม่ยึดถือความชอบใดความชอบหนึ่ง หมอดุ๊กมองว่าความหลงใหล หรือ Passion ของเรานั้นมีอายุที่จำกัด สักวันหนึ่งเราจะหมดไฟและรู้สึกเคว้ง ดังนั้นการเปิดใจ มีความชอบที่ยืดหยุ่น ไม่ยึดติด Passion หนึ่งเดียว จะช่วยให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขและมั่นใจ ต่อให้สิ่งที่เราชอบถึงจุดอิ่มตัว เราก็มองเห็นความเป็นไปได้และศักยภาพในการค้นหาสิ่งที่รักต่อไปได้
2 ชนะใจตัวเองคือพลังที่แท้จริง การแข่งขันกับคนอื่นยิ่งเพิ่มความกดดันให้กับตัวเอง ไม่เพียงแต่ทำให้เราไม่มีความสุขแล้ว เรายังประสบความสำเร็จได้ยากกว่าเดิม แต่ถ้าหากเราหมั่นโฟกัสแต่สิ่งที่ตัวเองทำให้ดียิ่งขึ้นในทุกๆ วัน ก็ยิ่งเสริมสร้างศักยภาพของเราและความมั่นใจให้กลับมาได้
3 ให้เวลากับตัวเองและครอบครัว นอกจากการจดจ่อกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่แล้ว การหันมาใส่ใจคนรอบข้างก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะคนในครอบครัวคือกำลังใจสำคัญที่สุดที่ช่วยให้เราเดินหน้า
4 พูดกับตัวเราเองในวันที่ไม่มีใคร ทำความเข้าใจกับตัวเองให้มากขึ้น มองความรู้สึกตัวเองตามความเป็นจริง ซื่อสัตย์กับอารมณ์ตัวเอง ถ้ารู้สึกเศร้า ก็ปล่อยให้เศร้าไป แต่ต้องหาวิธีให้เรากลับมาดีขึ้น โดยอาจจะเบนความสนใจของตนเองไปยังสิ่งอื่นก็ได้
ทั้งนี้ คุณหมอดุ๊กเสริมไว้อีกว่า หากปัญหา หรือ สิ่งที่กังวลนั้นอยู่เหนือการควบคุมของเรา สิ่งที่ควรทำคือ ‘ปล่อยมันไปอย่างที่มันเป็น’ ยิ่งผูกมัดความรู้สึกของเราไปกับปัญหานั้นก็ไม่ทำให้เจอทางออก มิหนำซ้ำเรากลับรู้สึกทุกข์ใจมากกว่าเดิม ควรเรียนรู้ที่อยู่กับปัญหาด้วยใจที่เป็นสุขจะช่วยให้เราเกิดความมั่นคงในจิตใจ
ชมบทสัมภาษณ์ บอม - ฑิชากร เปล่งพานิช ในรายการ Woody Help Me Please by Merz Aesthetics EP 3 รายการที่พร้อมจะเป็นสื่อกลางรับฟังทุกเรื่องราวปัญหาที่มากระทบความมั่นใจ ความสุข หรือความภูมิใจในตัวคุณเอง โดยMerz Aesthetics ประเทศไทย บริษัทชั้นนำระดับโลก ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องอัลเทอร่า และเวชภัณฑ์สำหรับใช้ในคลินิกเสริมความงาม เพื่อทุกความมั่นใจของคนไทย ได้มาร่วมออกค้นหาจุดเปลี่ยนของชีวิต เพื่อสร้าง Confidence to be… ดูดีมั่นใจในแบบฉบับที่เป็นตัวเอง พร้อมแบ่งปันข้อคิดให้คุณมีจิตดี กายดี ดูดีในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด
ใน EP นี้ได้เรียนเชิญ เมิร์ซกูรู - ศ.นพ. วาสนภ วชิรมน หรือ คุณหมอดุ๊ก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากโรงพยาบาลรามาธิบดี มาร่วมให้ข้อคิดผลักดันพลังบวก โดยสามารถรับฟังเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจกับนิยาม Confidence to be…ดูดีมั่นใจฉบับเต็มของ บอม - ฑิชากร เปล่งพานิช และหมอดุ๊ก กันได้ที่ YouTube และ Facebook/WOODYTALKSHOW
อยากเสริมความงามสร้างความมั่นใจ สามารถค้นหาข้อมูลคลินิกให้บริการได้ทาง www.merzclubthailand.com
ร่วมแชร์ประสบการณ์ที่ปลุกพลังความมั่นใจของคุณได้กับ Woody Help Me Please by Merz Aesthetics ได้ที่เฟซบุ๊ก: Woody