เปิดใจแดรกควีน 'ปันปัน @panginaheals' โกอินเตอร์
ปันปัน นาคประเสริฐ หรือที่ทุกคนรู้จักกันอย่างกว้างขวางว่า ‘แปนจินา ฮีลส์ (Pangina Heals)’ แดรกควีนตัวแม่แห่งเมืองไทย ที่เข้าร่วมแข่งขันในรายการระดับโลก RuPaul's Drag Race UK vs The World
ถึงแม้เขาจะพลาดท่าโดนผู้แข่งขันคนอื่นขจัดออกจากรายการไปอย่างที่ทุกคนร้องเสียดายในฝีมือและความสร้างสรรค์ แต่นั่นก็เป็นแค่เกมเท่านั้น ในชีวิตจริง กระแสของ ‘ปันปัน’ กลับทำให้คนไทยภูมิใจและเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่อีกมากมายในการดำเนินชีวิตตามเส้นทางที่เขาเลือก
แต่ก่อนจะมาเป็น ‘แปนจินา ฮีลส์ ในวันนี้ ปันปันก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องทนแรงกดดันจากสายตาคนอื่นนับไม่ถ้วน เผชิญการด่วนตัดสินจากรูปลักษณ์ และการไม่ยอมรับเรื่องเพศสภาพตั้งแต่คนในครอบครัวจนไปถึงสังคมภายนอกเพียงเพราะว่าแต่งหญิง และเป็น Drag แต่แล้วด้วยความมั่นใจและยึดมั่นในสิ่งที่ตัวเองเป็น ปันปันก็ได้ค่อยๆ ชนะใจครอบครัว สร้างมาตรฐานการยอมรับจากคนในสังคม และฝึกฝนพัฒนาทำสิ่งที่ตัวเองรักจนตัวเองประสบความสำเร็จ ได้มีโอกาสเฉิดฉายเป็นตัวแทนคนไทยบนเวทีแข่งระดับโลก RuPaul's Drag Race UK vs The World
Merz Aesthetics ประเทศไทย บริษัทชั้นนำระดับโลก ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องอัลเทอร่า และเวชภัณฑ์สำหรับใช้ในคลินิกเสริมความงาม เพื่อทุกความมั่นใจของคนไทย ร่วมออกค้นหาจุดเปลี่ยนของชีวิต เพื่อสร้าง Confidence to be… ดูดีมั่นใจในแบบฉบับที่เป็นตัวเอง กลับมาอีกครั้งผ่านรายการ Woody Help Me Please by Merz Aesthetics ที่พร้อมจะเป็นสื่อกลางรับฟังทุกเรื่องราวปัญหาที่มากระทบความมั่นใจ ความสุข หรือความภูมิใจในตัวคุณเอง อีกทั้งยังช่วยแบ่งปันข้อคิดให้คุณมีจิตดี กายดี ดูดีในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด สำหรับ EP ที่ 4 นี้ ทางรายการได้เรียนเชิญ เมิร์ซกูรู - ศ.นพ. วาสนภ วชิรมน หรือ คุณหมอดุ๊ก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากโรงพยาบาลรามาธิบดี มาร่วมให้ข้อคิดผลักดันพลังบวกอีกแรง ร่วมกับ ปันปัน นาคประเสริฐ
อย่าเปลี่ยนแปลงตัวเองตามคำพูดคนอื่น
ในอดีต คนไทยยังมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการแต่ง Drag น้อย มีภาพจำว่าคนที่เข้าร่วมรายการจะต้องมีรสนิยมทางเพศ หรือมีเพศสภาพที่เป็น LGBTQ+ แต่แท้จริงแล้ว คำว่า Drag ย่อมาจาก Dressed Resembling As a Girl หมายความว่า ไม่ว่าเพศอะไรก็สามารถแสดง Drag เป็นเพศตรงข้ามได้ แต่ด้วยภาพจำดังกล่าวนี่เอง ทำให้ทุกครั้งที่ปันปันได้แต่งตัว Drag ก็จะเผชิญกับคำถามและความท้าทายตลอดเวลาว่าเพศสภาพของปันปันคืออะไรกันแน่ ตั้งแต่คุณแม่ที่ไม่ยอมรับปันปันแต่งหญิง นานถึง 2 ปี รวมไปถึงคนภายนอกที่ตัดสินปันปันด้วยคำพูดที่รุนแรงอย่าง “ทำไมไม่ไปทำนมสักที”
แต่ด้วยความชอบที่แรงกล้า ทำให้ปันปันยังคงเดินหน้าแต่ง Drag ต่อไปอย่างมั่นใจ มองว่าตัวเองไม่ควรเปลี่ยนแปลงไปตามที่สังคมขีดเส้นไว้ แต่ควรสร้างความเข้าใจ ให้คนในสังคมเปิดใจกับความหลากหลายในโลกมากกว่า ตลอดที่ผ่านมา ปันปันจึงให้ความรู้เรื่องการแต่ง Drag ว่าไม่ใช่การเปลี่ยนเพศสภาพของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นศิลปะที่ไม่จำกัดเพศ
“ทุกคนไม่ว่าเป็นใคร ก็มีสิทธิ์เลือกทำอะไรก็ได้ใต้ผิวหนังของเขา โดยสิ่งที่เขาทำจะเป็นศิลปะ หรือ ชีวิตจริง ทุกคนมีสิทธิ์เลือก แต่ทุกคนไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาคนอื่นไปใส่ในกล่องที่ตัวเองคิดแคบๆ ได้”
ปันปันให้คำแนะนำอีกว่า แม้ว่าคนในครอบครัวหรือคนอื่นจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เราชอบ ขอให้เราทำสิ่งนั้นให้ดีต่อไป จนกว่าความชอบของเราได้แสดงให้คนอื่นเห็นว่า ต่อให้แตกต่างจากขนบก็สามารถประสบความสำเร็จได้
“ถ้าเราทำอะไรบางอย่างแล้วรู้สึกสนุก ไม่ได้เบียดเบียนใคร ถึงแม้ว่าคุณพ่อคุณแม่รับไม่ได้ สักวันหนึ่งเขาก็จะรับเราได้ เพราะคุณเก่ง คุณสามารถพึ่งตัวเองได้ และเป็นคนดีในสังคม”
ให้ความสำคัญกับคนที่รักและอยากให้ของขวัญกับเรา
คนทุกคนย่อมมีคนทั้งรักและเกลียดเป็นเรื่องธรรมดา ต่อให้เราทำดีที่สุดกับทุกคนแล้วก็ตาม ปันปันก็เช่นเดียวกัน เมื่อสปอตไลท์สาดส่อง เป็นที่รู้จักวงกว้างในฐานะแดร็กควีนเมืองไทย คนที่ชื่นชมในความสามารถก็จะพ่วงมาพร้อมคนที่ไม่หวังดี ซึ่งบทเรียนสำคัญที่สอนให้ปันปันได้ทำความรู้จักนิสัยใจคอของคนรอบข้างอย่างแท้จริงก็คือ ช่วงที่ปันปันถูกกล่าวหาจากรุ่นพี่ที่สนิทกันว่าตนใช้คำพูดดูถูกนางโชว์ “มีคนคิดว่าเราเคยพูดว่า นางโชว์เดี๋ยวก็แก่ เดี๋ยวก็ตาย ไม่เหมือนแดร็ก” ทั้งๆ ที่ปันปันไม่เคยพูดเช่นนั้น
จากเหตุการณ์ดังกล่าวตามมาด้วยคอมเมนต์ด่าทอนับพัน ซึ่งนอกจากจะทำให้ปันปันรู้สึกเจ็บปวดทางอารมณ์ (mental breakdown) ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ปันปันได้เรียนรู้ถึงนิสัยใจคอของคน รับรู้ว่าเพื่อนแท้นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร
“ในช่วงเวลาที่เราอยู่ต่ำสุด ทำให้รู้ว่าใครคือเพื่อน” เมื่อปันปันได้สติ ก็ค่อยๆ ใช้เวลาในการเยียวยาจิตใจ อยู่กับคนที่เชื่อในตัวเอง จากนั้นยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นและหาทางแก้เพื่อปกป้องตัวเอง ในท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้ก็สอนให้ปันปันได้รู้ว่า ในช่วงเวลาเลวร้ายที่เกิดขึ้น จะเป็นบททดสอบสำคัญว่าใครจะเป็นคนให้ “ของขวัญ” เพื่อกำลังใจ หรือให้ “ก้อนหิน” เพื่อซ้ำเติม
แก้ไขทุกข์ได้อย่างยั่งยืนผ่าน “สติ”
คุณหมอดุ๊กยังให้ข้อคิดเพิ่มเติมอีกว่าสิ่งที่คนเราเจอในแต่ละวันล้วนมีปัญหาใหม่ๆ ให้เข้ามาแก้ไม่ขาดสาย ซึ่งอาจทำให้เราหลงลืมกับเป้าหมาย หรือตัวตนที่เราเป็นอยู่ได้ สิ่งที่จะคอยยึดมั่นให้เราสามารถเผชิญหน้ากับปัญหาเหล่านั้นได้คือ “สติ” โดยอาศัยหลักธรรมพระพุทธศาสนาอย่าง “อริยสัจ 4 - ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค” เราต้องนิยามทุกข์ที่เกิดก่อนว่าทุกวันนี้ ทุกข์หลักที่เกิดขึ้นคืออะไร แล้วสาเหตุที่เกิดคืออะไร สาเหตุดังกล่าวนั้นเรามีวิธีแก้ไขไหม สามารถควบคุมได้หรือไม่ ซึ่งคุณหมอดุ๊กได้กล่าวเสริมว่า หากเราจำแนกได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรามาจากปัญหาอะไร ก็จะช่วยให้เราต่อสู้และก้าวข้ามปัญหาในอนาคตได้อย่างราบรื่น
เรามีสิทธิ์ทำอะไรกับร่างกายก็ได้ เพราะร่างกายเป็นของเรา
รายการ Drag Race ไม่เพียงแต่สอนให้ปันปันได้เรียนรู้ถึงความหลากหลายของเพศสภาพแล้ว ยังทำให้ปันปันได้เปิดรับความแตกต่างของร่างกาย และสิทธิที่คนมีเหนือร่างกายตนเอง ทำให้ต่อให้ร่างกาย หรือ รูปลักษณ์จะไม่ตรงตามกรอบมาตรฐานสังคม เราก็สามารถทำอะไรกับร่างกายกับตัวเองได้เต็มที่ ตราบใดที่เป็นร่างกายของเรา เราสามารถมีความสุข ไม่จำเป็นปล่อยความสุขเราไปแขวนกับความคิดของคนอื่น ซึ่งปันปันเองยอมรับว่า เมื่อก่อนตนมีภาพจำเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมหรือการเสริมความงาม ว่าเป็นการทำสวยตามคนอื่น
แต่พอเราได้ไปลองทำจริงๆ แล้ว ก็ทำให้ตนรู้สึกมั่นใจในการใช้ชีวิต พึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น มองว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ต่างอะไรจากการดูแลตัวเอง เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง เข้าใจสิ่งที่ตัวเองต้องการ และเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จัดการกับร่างกายตนเองได้ ขณะเดียวกันทางศ.นพ.วาสนภ หรือ คุณหมอดุ๊กเสริมเรื่องการเสริมความงามว่า คนที่ตัดสินใจเสริมความงามบนใบหน้าควรทำเพื่อความสบายใจของตนเอง ไม่ใช่มาจากการคำพูดของคนอื่น ถ้าหากทำตามใจของตัวเองจริงๆ แก้ไขส่วนที่ตัวเองกังวล พอเรามั่นใจ เราก็กล้าทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตมากขึ้น
3 ข้อที่ควรรู้เพื่อนำไปสู่ความสุขที่ตนเองต้องการ
ก่อนที่จะจบรายการ คุณหมอดุ๊กได้เพิ่มเติมสิ่งที่เราสามารถพาเราไปพบกับความสุขที่แท้จริงด้วยตัวเราเอง เราจะใช้ชีวิตโดยไม่ต้องเปรียบเทียบกับใครคนอื่น แล้วเราเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดบนโลกใบนี้ ด้วยเพียง 3 สิ่งดังต่อไปนี้
1. รู้จักตัวเองเป็นปัญญาที่แท้จริง หากเราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นและทำตามคนอื่นตลอดเวลา เราก็จะไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่มาจากความชอบของตัวเองหรือไม่ ดังนั้นควรหยุดทำความรู้จักคนอื่นแล้วมารู้จักกับตัวเองก่อน หากรู้จุดหมายของตนเองแล้ว ก็จะเกิดแรงบันดาลใจ ใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างมีความหมายมากขึ้น
2. เข้าใจและยอมรับความแตกต่าง อย่าให้ความแตกต่างจากมาตรฐานสังคมเป็นอุปสรรคที่จำกัดตัวเลือกในการใช้ชีวิต ในทางกลับกัน นำความแตกต่างนั้นเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เผยความมั่นใจ กล้าทำสิ่งต่างๆ นอกกรอบ รวมไปถึงสร้างความรู้ความเข้าใจให้สังคมใหม่ ขยับขยายมาตรฐานสังคมให้กว้างและโอบรับความแตกต่างได้มากขึ้น
3. ทำสิ่งที่เราชอบให้มีคุณค่า ไม่มีเรื่องไหนที่เราชอบเป็นเรื่องไร้สาระ เพียงเราต้องให้คุณค่าและตั้งใจทำให้ดีที่สุด แล้วความชอบของเราก็จะสร้างความหมายให้คนรอบข้างได้
รับฟังเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจกับนิยาม Confidence to be…ดูดีมั่นใจฉบับเต็มของ ปันปัน @panginaheals และคุณหมอดุ๊ก กันได้ที่ YouTube หรือ https://www.facebook.com/WOODYTALKSHOW/videos/529935401663003/ Facebook และหากท่านอยากเสริมความงามสร้างความมั่นใจ สามารถค้นหาข้อมูลคลินิกให้บริการได้ทาง www.merzclubthailand.com และมาร่วมแชร์ประสบการณ์ที่ปลุกพลังความมั่นใจของคุณได้กับ Woody Help Me Please by Merz Aesthetics ได้ที่เฟซบุ๊ก: Woody