Puff.

View Original

น่าน...ไง อยากไปอีก

ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน หัวใจของนักเดินทางย่อมปรารถนาท่องเที่ยวอย่างอิสระเสรี Puff. ได้ออกเดินทางไปเก็บความประทับใจที่ จังหวัดน่าน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางไป “ดินแดนศิลปวัฒนธรรมอันแสนงดงามโรแมนติก” เมืองน่านเป็นเมืองที่ผู้คนมีวิถีชีวิตที่สงบเรียบง่ายทว่ามีชีวิตชีวา

ผู้เขียนเดินทางไปจังหวัดน่านเพราะตั้งใจจะไปไหว้ พระธาตุแช่แห้ง พระธาตุประจำปีเกิดเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองจึงไม่ได้วางแผนการเที่ยวมากนัก รู้แค่เพียงว่าจะไปกางเต็นทหนึ่งคืนบน ดอยเสมอดาว เพื่อชมทะเลหมอก ส่วนอีกคืนก็จะไปหาเอาข้างหน้า

เมื่อไปถึงน่านก็ตรงไปไหว้พระตามที่ตั้งใจก่อน บรรยากาศที่ วัดพระธาตุแช่แห้ง มีผู้คนที่ศรัทธาเดินทางมาสักการะกันมากมาย เมื่อไหว้พระเสร็จก็ต้องอาศัยกูเกิ้ลนำทางเที่ยว ดังนั้นถ้าในกระทู้ท่องเที่ยวว่าที่ไหนว่าดีก็ไปตามที่นั้น ซึ่งอาจจะไปไม่ได้ทั่วนักดังนั้นจึงต้องไปสถานที่ฮอตฮิตก่อน โดยตรงไปที่ วัดภูมินทร์ วัดที่นอกจากที่ผู้คนไปสักการะขอพรแล้ว ยังเข้าชมงานจิตรกรรมฝาผนังภายในโบสถ์ด้วยซึ่งก็มีไกด์ตัวน้อยท้องถิ่น พูดแนะนำอย่างคล่องแคล้ว คุ้มเจ้าราชบุตร สร้างขึ้นในราว พ.ศ. 2398 เพื่อเป็นคุ้มของเจ้าน้อยมหาพรหม ซึ่งเป็นเรือนสองชั้นทรงปั้นหยาตามสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก บรรยากาศเหมือนเวลาเราเดินชมพิพิธภัณฑ์ เราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเจ้าผู้ครองนครน่านและวิถีชีวิตของชาวน่านในอดีต จากนั้นเราก็ขับรถชมเมืองรอบๆ แล้วตรงขึ้นไปที่ ดอยเสมอดาว ตามแผนที่จะกางเต้นท์บนนั้น แต่!!!! ที่กางเต็นท์เต็ม จึงต้องขับรถต่อขึ้นไปกางเต้นท์ที่ ผาชู้ แทน บน ผาชู้ คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวแต่ยังก็มีที่สำหรับให้เราสามารถจับจองกางเต้นท์ได้ อยากบอกว่า ทริปนี้เป็นทริปที่สนุกมากกับการหลงทาง เพราะจริงๆกว่าจะถึงที่หมายก็หลงวนไปมา

ที่ผาชู้ เราและเพื่อนๆ ทำอาหารเย็นรับประทานกัน สนุก อร่อยแต่สุดท้ายก็จบลงที่ หมูกะทะ ที่มีให้บริการ สำหรับห้องน้ำที่นี่เป็นห้องน้ำรวมแต่ก็สะอาดใช้ได้ ในตอนกลางคืนนั้นเราได้ได้นอนมองดูดาวสวยๆ แต่บรรยากาศเสมือนได้ไปท้องฟ้าจำลองเพราะมีกูรูเรื่องดาวคอยบรรยายฉายไฟไปตามกลุ่มดาวต่างๆ (เขาพูดในกลุ่มที่มาแต่เผอิญได้ยิน) ซึ่งทำให้เราได้รับความรู้ไปด้วย ผู้เขียนเป็นคนที่ตื่นเช้ามาก โดยเฉพาะเมื่อออกเดินทางท่องเที่ยวเพราะอยากจะใช้เวลาซึมซับความสุขจากการเที่ยวให้มากที่สุด เช้าวันที่สองนี้ก็ตื่นมาเช้าเช่นเคย รอพระอาทิตย์ขึ้นอากาศเย็นแบบนี้จึงมีหมอกให้เราเห็นเป็นทะเลแสนงาม มันแบบฟีลกู้ดมากๆ ยิ่งพอฟังตำนานของผาชู้แล้ว โอ้มันช่างแสนโรแมนติคเสียเหลือเกิน

วันที่สองนี้ ก็ยังคงขับรถหลงเหมือนเดิม เลยถือเสียว่ามีโอกาสขับรถชมวิวทิวทัศน์ ตอนแรกทีมงานคาดหวังจะไปพักท่ามกลางนาข้าวที่ เมืองปัว แต่ก็ผิดหวังอีกแล้ว เพราะช่วงที่ไปนั้น ทุ่งนากลายเป็นซางไปหมดแล้วมีแต่ความแห้ง สิ่งที่มโนว่าจะตื่นมาตอนเช้ามองไปรอบตัวจะมีแต่ความเขียวขจีจึงเฟล ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะไปพักกันที่ไหนหลังตัดสินใจที่จะไม่พักที่เมืองปัว คราวนี้ผู้เขียนเปลี่ยนมาเป็นคนขับรถบ้าง เมื่อขับเองก็ขับไปเรื่อยๆ รถคันหน้าไปไหนเราก็ไปตามนั้น แต่มีคันที่เราขับตามนี่สิ ดันเลี้ยวขึ้นเขา ใจก็คิดว่า โอเคน่า เขาเตี้ยๆ แต่ปรากฏว่าเขามันสูงขึ้นเรื่อยๆ อาการขาสั่นตามมาจนต้องเปลี่ยนให้เพื่อนที่ชำนาญในการขับขึ้นเขามาขับแทน ถ้าถามว่าทำไมไม่ย้อนกลับ คำตอบคือ The show must go on เราขับรถกันต่อเพื่อหาที่พักคืนนี้

คราวนี้เราเห็นป้ายบอกว่าอีกไม่กี่สิบกิโลเมตรก็ถึง อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ก็ถามเพื่อนในทริปจะเอายังไงดี ทุกคนตัดสินใจ...ไปต่อ ทางขึ้นดอยสูงและชันมาก แต่อยากบอกว่าสองข้างทางขึ้นดอยสวยมาก แล้วก็ดีใจที่ได้เห็น ถนนลอยฟ้า เป็นภาพที่ประทับใจสุดๆ พอขึ้นไปถึงอุทยานฯ คืนนี้น้องในทีมบอกขอไม่กางเต็นท์แล้วนะเพราะเหนื่อยมาก ซึ่งก็โชคดีที่พอดีมีที่พักในอุทยานว่าง... อากาศตอนกลางคืนเย็นสบาย แต่ตอนเช้าก็จะหนาวหน่อยๆ เพราะมีฝน ซึ่งกว่าจะลงจากดอยใกล้เที่ยงเพราะรอให้ฝนซาก่อน พอลงมาถึงถนนข้างล่างก็แวะไป หอศิลป์ริมน่าน ไปที่นี่ได้ชมศิลปะที่หลายหลายแบบบรรยากาศสงบได้ดูงานศิลป์แบบเต็มอิ่ม แล้วคณะเราก็ไปหาอาหารพื้นเมืองรับประทานกันก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพ

ใครที่ไม่เคยไปเที่ยว น่าน ขอแนะนำเลย ไปแล้วคุณจะหลงรัก แต่ครั้งหน้าผู้เขียนเองต้องวางแผนท่องเที่ยวให้ดีๆ สักหน่อยเพราะจริงๆแล้ว น่าน ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่อยากไปสัมผัสอีกหลายแห่ง.