VERSACE A/W 20 กับครั้งแรกของการนำคอลเลคชั่นเสื้อผ้าผู้ชายและผู้หญิงบนรันเวย์เดียวกัน
เวอร์ซาเช่ (VERSACE) นับเป็นแบรนด์ที่ได้ชื่อว่ามีเสน่ห์เย้ายวน เต็มไปด้วยความมั่นใจ มีอิสระเสรีในการแสดงออก รวมไปถึงการเป็นตัวของตัวเอง และทั้งหมดนี้ได้สืบต่อมายังคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว 2020 ซึ่งถือเป็นคอลเลคชั่นแรกที่เวอร์ซาเช่จัดโชว์คอลเลคชั่นเสื้อผ้าผู้ชายและผู้หญิงบนรันเวย์เดียว กันเพื่อเฉลิมฉลองความเท่าเทียม ความกล้าหาญที่จะแสดงจุดยืนทางความคิด โดยเสื้อผ้าในคอลเลคชั่นได้แสดงถึงตัวแทนของผู้ที่มีสไตล์เป็นของตนเองไม่ได้แต่งตัวเพื่อเอาใ จใครทั้งนั้น
“อะไรคือนิยามของผู้ชายและผู้หญิงในยุคปัจจุบัน ทุกวันนี้ผู้ชายและผู้หญิงต่างมีพลังที่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน พลังทั้งหมดของพวกเขาล้วนมาจากความเชื่อมั่นที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละคนก็ต่างมีความคิดและเสน่ห์ในแบบฉบับของตนเอง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันเลือกจัดโชว์คอลเลคชั่นเสื้อผ้าผู้ชายและผู้หญิงพร้อมกัน”
- ดอนนาเทลล่า เวอร์ซาเช่ -
คอลเลคชั่นนี้แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของเสื้อผ้าภายใต้คอนเซปต์ใหม่ ด้วยรูปทรงของเสื้อผ้าที่เค้าโครงมีความโดดเด่นเฉียบคม สไตล์ที่มีความหนักแน่น และการใช้ลายเส้นบนเนื้อผ้าโดยเฉพาะการคัตเอาต์หรือการทำรอยกรีด ที่ปรากฏให้เห็นทั้งบนเดรสของผู้หญิงและชุดสูทสไตล์ เทเลอร์ของผู้ชาย หรือแม้กระทั่งบนเครื่องประดับซึ่งถือเป็นดีเทลที่โดดเด่นในคอลเลคชั่นนี้ โครงชุดที่ใช้ผ้าสองชั้นช่วยให้เสื้อผ้ามีรูปทรงที่ดูแข็งแกร่งหนักแน่นมากขึ้นทั้งชุดเดรส กระโปรง หรือแจ็กเก็ตล้วนทำให้ดูมากไปด้วยพลังและความมั่นใจ เช่นเดียวกับชุดกระโปรงทรงโดมโค้ง เว้าเอวโชว์สัดส่วนและโครงไหล่ที่ดูแข็งแกร่ง ช่วยสร้างคาแร็กเตอร์ที่เปี่ยมไปด้วยพลังในแบบฉบับผู้หญิงเวอร์ซาเช่ที่มาดมั่นและจัดจ้าน
สำหรับเสื้อผ้าผู้ชายนำเสนอผ้าเสื้อผ้าที่ทำให้ดูแข็งแกร่งและแสดงความเป็นผู้ชายมากขึ้น มีการเน้นช่วงไหล่ที่กว้างพร้อมกับเน้นช่วงเอว เสื้อผ้าสไตล์สปอร์ตมีให้เห็นทั้งชุดแทร็กสูท การใช้ผ้าตาข่ายไนล่อน รวมไปถึงการทำรอยกรีดซึ่งเผยให้เห็นผ้าตาข่ายที่ซ้อนอยู่ด้านใน สร้างดีไซน์ ที่ดูทันสมัยสื่อถึงความเป็นเวอร์ซาเช่ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีรองเท้าสนีกเกอร์รุ่นใหม่ Trigreca ในรูปลักษณ์สุดล้ำอีกด้วย ลายพิมพ์ในคอลเลคชั่นนี้ยังคงใช้ตัวอักษร V สไตล์บาโรค แต่นำมาปรับรูปร่าง โดยการรื้อรูปแบบและโครงสร้างเพื่อสร้างความแปลกใหม่ มีการปรับขนาดให้ขยายใหญ่ขึ้นและหดเล็กลง เกิดเป็นอักษรที่มีสไตล์ความบิดเบี้ยว ซึ่งปรากฏให้เห็นบนชุดสูทสไตล์เทเลอร์ของผู้ชายและชุดเดรสของผู้หญิง
นอกจากจะปรากฏเป็นลวดลายบนเสื้อผ้าในคอลเลคชั่นแล้ว คอนเซ็ปต์แห่งการสร้างความบิดเบี้ยวได้สะท้อนความจริงของสังคมในปัจจุบัน อีกทั้งยังสะท้อนผ่านดนตรีประกอบรันเวย์ นอกเหนือจากนั้นตัวอักษร V รูปแบบใหม่ยังถูกนำมาทำเป็นประติมากรรมจัดแสดงในบริเวณสถานที่จัดโชว์ เพื่อหวนระลึกถึงเอกลักษณ์อันเป็นไอคอนิกของแบรนด์ซึ่งเป็นที่จดจำมาอย่างยาวนาน ในส่วนของชุดราตรีนั้น โดดเด่นด้วยลวดลายกราฟิก ดีเทลที่ช่วงไหล่ของชุด รวมไปถึงการสร้างสรรค์ชุดจากผ้าตาข่ายโลหะที่เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของแบรนด์อย่างชุดกระ โปรงสั้นสีเงินเมทัลลิกนำเสนอโครงชุดอันโดดเด่น และการใช้ตาข่ายโลหะหรือตาข่ายคริสตัลถักทอลงบนเนื้อผ้าและฟินนิชชิ่งในสไตล์อินสตาร์เซี ย (Instarsia) ล้วนสร้างชุดกระโปรงที่มีความสวยหรูในแบบชุดงานพรมแดงที่เลอค่า
ดนตรีประกอบบนรันเวย์:
1. Klaus Nomi & DJ Hell - Cold Song 2013
2. Djedjotronic feat. Lokier - Are Friends Electric (curses remix)
3. Djedjotronic feat. Lokier Are Friends Electric
4. Nina Kraviz - Dream Machine
5. The Chemical Bothers - Leave Home
6. Men With Secrets - Cabaret Démodé
7. Dasha Rush - Sonic Static
8. Sofi Tukker - Good Time Girl
9. Happy Mondays - Hallelujah
10. Franz Ferdinand & Nina Kravitz - Always Ascending (Nina Kraviz Late Night Mix)
11. Sasha Carassi - Genetik
12. SL2 Way - In My Brain Way In My
13. Green Velvet & Patrick - Topping Voicemail
14. Sofi Tukker - Purple Hat (Novak Remix)